เช็คด่วน! ธปท.อุ้มลูกหนี้เฟส 2 เปิดให้ขอ “พักหนี้-ลดดอกเบี้ย-เพิ่มวงเงิน” 1 ก.ค.นี้

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ต่าง ๆในเฟสแรก จะทยอยครบกำหนด ธปท. จึงได้หารือกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ สมาคมและชมรมของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 9 แห่ง ออกมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย สาระสำคัญดังนี้

1) ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ร้อยละ 2 – 4 ต่อปี สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ  (มีผลตั้งแต่1ส.ค.2563)

-บัตรเครดิต เพดานดอกเบี้ยเดิม18% ปรับลดเหลือ16%

-สินเชื่อบุคคล/บัตรกดเงิน  เพดานดอกเบี้ยเดิม28% ปรับลดเหลือ25%

-จำนำทะเบียน เพดานดอกเบี้ยเดิม28% ปรับลดเหลือ24%

2) เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ประเภทวงเงินหมุนเวียนหรือที่ผ่อนชำระเป็นงวด สำหรับลูกหนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติม และมีพฤติกรรมการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ได้สิทธิ์ขยายวงเงินจากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เป็นการชั่วคราวตั้งแต่1 ส.ค. 63-  31 ธ.ค.64

3) มาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563) เป็นการขยายขอบเขตและระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และไม่เป็นหนี้เสีย (NPLs)ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยผู้ให้บริการทางการเงินต้องจัดให้มีทางเลือกความช่วยเหลือขั้นต่ำให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้เลือกตามประเภทสินเชื่อ ดังนี้

“บัตรเครดิต”  สามารถเปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48

งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12 % ต่อปี  (พิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลืออยู่ตามความสามารถในการชำระหนี้)

“สินเชื่อบุคคล”ที่มีเงินหมุนเวียนเช่น “บัตรกดเงินสด”  สามารถลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำตามความสามารถในการชำระหนี้  หรือเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว48งวด หรือขยายเวลาชำระหนี้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 22%

“สินเชื่อส่วนบุคคล”ที่ผ่อนชำระเป็นงวด และ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ”  สามารถลดค่างวดอย่างน้อย30% โดยคิดดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน22% 

“สินเชื่อเช่าซื้อ” รถยนต์และมอเตอร์ไซด์ (ไม่จำกัดวงเงิน) สามารถขอเลื่อนชำระค่างวด(เงินต้นและดอกเบี้ย3เดือน) หรือ ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้ 

“สินเชื่อบ้าน” (ไม่จำกัดวงเงิน) สามารถเลื่อนชำระค่างวดหรือพักหนี้(เงินต้นและดอกเบี้ย)3เดือน  หรือเลื่อนชำระเงินต้น 3เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามค่าเหมาะสม  หรือลดค่างวดโดยขยายเวลาชำระหนี้

นายรณดลกล่าวว่า  พร้อมกันนี้กำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจของลูกหนี้ เช่น เปรียบเทียบภาระหนี้เดิมและหนี้ใหม่ จำนวนหนี้และจำนวนงวดที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ต้องจ่ายเพิ่มจากการขอเลื่อนชำระหนี้

โดยการรับความช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ำ จะไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่สามารถเรียกเก็บเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และกรณีที่ลูกหนี้ประสงค์จะชำระหนี้ก่อนกำหนด จะต้องไม่มีการคิดค่าเบี้ยปรับ  

นายรณดลกล่าวว่า   ลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือข้างต้นสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ Call Center หรือส่งข้อความ SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จนถึง 31 ธันวาคม 2563

4)  ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้ เช่น โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เปลี่ยนสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวด ลดดอกเบี้ย และกรณีลูกหนี้ได้รับผลกระทบจนเป็น NPLs ขอให้พิจารณาชะลอการยึดทรัพย์

“ธปท. เชื่อมั่นว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมระยะที่ 2 นี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที ลดภาระหนี้และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และมีวิธีปฏิบัติต่อลูกหนี้ในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด”