ธปท. แนะแบงก์รัฐบริหารสภาพคล่องเพื่ออุ้ม “ผู้ประกอบการ-ประชาชน” เดือดร้อนจากโควิด-19

ธปท. แนะแบงก์รัฐบริหารสภาพคล่องเพื่ออุ้ม “ผู้ประกอบการ-ประชาชน” เดือดร้อนจากโควิด-19 จากกรณีลดเงินนำส่ง 0.125%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ลงกึ่งหนึ่ง 0.125% ต่อปี ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน เป็นระยะเวลา 2 ปี ในรอบปี 2563-2564 เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจในการดำเนินมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงกึ่งหนึ่งให้กับธนาคารพาณิชย์เป็นเวลา 2 ปี ไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ นายวิรไท สันตประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ได้ให้ข้อเสนอแนะ ครม. ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วยว่า ธปท. ไม่ขัดข้องต่อการปรับลดอัตราเงินนำส่งดังกล่าว เนื่องจากเป็นการลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สอดคล้องกับการปรับลดอัตราเงินนำส่งของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์

นอกจากนี้ เป็นการสนับสนุนให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินมาตรการตามนโยบายของรัฐเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน ธปท. เสนอความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า

1.สถาบันการเงินเฉพาะกิจควรบริหารสภาพคล่องอันเนื่องมาจากการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ โดยเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือดำเนินการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมรองรับมาตรการของรัฐที่อาจมีเพิ่มเติมในระยะถัดไป

2.กองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ควรดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนด รวมถึงบริหารผลกระทบที่มีต่อสภาพคล่องของกองทุนฯ เพื่อไม่ให้กระทบต่อหน้าที่ในการพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้มั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพ