ทองคำร่วง…ปรับฐาน ลุ้นปัจจัยบวกปลายปี ระยะยาว “ขาขึ้น”

ทองคำแท่ง
REUTERS/Leonhard Foeger/File Photo

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ขึ้นเอา ๆ ก่อนหน้านี้ มาช่วงนี้ก็ดูแผ่วลงไป โดยราคาทองคำโลก (gold spot) ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 ก.ย. 63) ปรับตัวลงต่อเนื่อง จาก 1,950 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ และล่าสุดปรับลงต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ มาทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน ปรับลดลงจากระดับ 28,800 บาท/บาททองคำ มาอยู่ที่ 27,900 บาท

ทั้งนี้ ราคาทองคำนับตั้งแต่ที่เคยทำจุดสูงสุดจนถึงปัจจุบันพบว่า ราคาทองคำโลกปรับลดลราว 9.2% หรือลดลงแล้วราว 190 ดอลลาร์/ออนซ์ จากจุดสูงสุดที่ 2,074 ดอลลาร์/ออนซ์ ลงมาอยู่ที่ระดับกว่า 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศปรับลดลง 6.8% หรือลดลงราว 2,000 บาทจากจุดสูงสุดปีนี้ที่ 30,300 บาท มาอยู่ที่ระดับกว่า 28,000 บาท

หลายปัจจัยฉุดราคาทองโลก

โดย “ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮงเปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาทองคำต่างประเทศปรับลดลงจนต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้ (28 ก.ย.-2 ต.ค. 2563) ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,845-1,880 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมองว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำมาจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ทั้งความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสองในภูมิภาคยุโรปที่ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

นอกจากนี้ ความล่าช้าของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และความล่าช้าของการทดสอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ระยะที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และกดดันให้ราคาทองคำปรับลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำในประเทศกลับปรับขึ้นสวนทางกับราคาทองคำโลก จากอานิสงส์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยฮั่วเซ่งเฮงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศที่แนวรับ 27,750 บาท/บาททองคำ และแนวต้านที่ 28,100-28,300 บาท/บาททองคำ

ระยะยาวทองคำยังขาขึ้น

ส่วนแนวโน้มระยะยาว “ธนรัชต์” มองว่า ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยคาดว่าภายในปีนี้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะฟื้นตัวถึง 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์อีกครั้ง ส่วนการจะกลับไปที่บริเวณ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างช่วงต้นปียังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ รออยู่ในเดือน พ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาทองคำต่างประเทศจะไม่ลดลงต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยแนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาทองคำย่อตัวลงมาใกล้แนวรับระยะยาวที่ 1,800-1,820 ดอลลาร์/ออนซ์ได้

“เรามองว่าราคาทองคำจะยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพราะตอนนี้มีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ทำให้ยังไม่เห็นผลกระทบจากโควิด จริง ๆ ในปีนี้ แต่ปีหน้าหากผลกระทบเริ่มชัดเจนขึ้น จะเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง” นายธนรัชต์กล่าว

เช่นเดียวกับ “ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้ายังมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะยังคงเป็นขาขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ 28 ก.ย.) ราคาทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวกกว่า25% และผลตอบแทนปรับขึ้นเป็น 34-35%ณ ราคาสูงสุดที่ 2,080 ดอลลาร์/ออนซ์

“ราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นร้อนแรงมากเกินไป โดยจากสถิติที่ผ่านมาผลตอบแทนของทองคำไม่เคยปรับขึ้นเกิน 30% ซึ่งตอนนี้ราคาทองเริ่มลดความร้อนแรงลงมาแล้ว และความน่าสนใจลงทุนเริ่มน้อยลง เนื่องจากคนเริ่มเข้าใจสถานการณ์โควิด-19 เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า และตลาดหุ้นก็เริ่มเคลื่อนไหวดีขึ้น”

เก็งราคาพุ่งหลังเลือกตั้งสหรัฐ

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้าประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่างประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ ระหว่าง 1,850-2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยแนะนำซื้อสะสมในช่วงที่ราคาปรับฐาน และทยอยขายช่วงหลังการเลือกตั้งสหรัฐในเดือน พ.ย.-ธ.ค. ที่แนวต้าน 1,950-2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งจากสถิติ 1 เดือนหลังเลือกตั้งสหรัฐ ราคาทองคำจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก

“ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ” ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า ล่าสุดกองทุนบริหารความเสี่ยง (hedge fund) ต่างลดการถือครองทองคำ เพื่อรอผลการเลือกตั้งสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี ระดับราคาปัจจุบันเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาวได้

“MTS ประเมินราคาทองคำต่างประเทศสัปดาห์นี้ที่ 1,840-1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ และระยะยาวที่ 1,800-2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ราคาในประเทศระยะสั้นอยู่ที่27,500-28,300 บาท และระยะยาวที่ 27,700-29,500 บาท”

ดูสถานการณ์แล้ว หากยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมา เศรษฐกิจโลกยังตกอยู่ในความเสี่ยง เต็มไปด้วยความผันผวน ก็น่าจะหนุนราคาทองคำให้ยังคงเป็น “ขาขึ้น” อย่างที่บรรดากูรูว่าไว้ต่อไป

แนวดน้มราคาทองคำตลาดโลก