เกียรตินาคินภัทร ชู “MANDATE SERVICE”  โซลูชั่นลงทุนต่างประเทศครบวงจร

รูปประกอบข่าวการลงทุน-หุ้น-หุ้นกู้

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร เปิดตัว “MANDATE SERVICE” โซลูชั่นการลงทุนต่างประเทศแบบครบวงจร พร้อมจัดโมเดลการลงทุนตามความต้องการเฉพาะตัวลูกค้า เน้นคัดสรรสินทรัพย์ open architecture-ผู้จัดการกองทุนที่ตอบโจทย์ โชว์สินทรัพย์ AUM อยู่ที่ 7 แสนล้านบาท เติบโต 20% ต่อปี

ดร.จอน วงศ์สวรรค์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร ผู้พัฒนา MANDATE SERVICE เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจากปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือการเมือง นักลงทุนอาจประสบกับความยุ่งยากในการจัดการภารกิจในชีวิต จนทำให้ไม่มีเวลาดูแลพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และออกนอกกรอบวินัยการลงทุน ส่งผลให้การลงทุนอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

“บล.เกียรตินาคินภัทร จึงได้พัฒนา MANDATE SERVICE ให้เป็นโซลูชั่นการลงทุนแบบครบวงจร โดยใช้ทีมนักวิเคราะห์การลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกสินทรัพย์และผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เป็นผู้ช่วยตัดสินใจและบริหารการลงทุนภายใต้กรอบที่ลูกค้าได้กำหนด ซึ่งรวมถึงการรักษาสัดส่วนการลงทุนแบบเคร่งครัด การบริหารความเสี่ยง การปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์ ตลอดจนทบทวนและติดตามผลการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนไม่เสียโอกาส” ดร.จอน กล่าว

ดร.จอน วงศ์สวรรค์
ดร.จอน วงศ์สวรรค์

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำในการลงทุน MANDATE SERVICE ยังมีการใช้เทคโนโลยีของ Quantifeed ผู้นำด้าน Digital Wealth Solution Technology ของเอเชีย มาเสริมด้านวินัยทางการลงทุนเพื่อให้ช่วยให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามแผน และมีกระบวนการติดตามผลที่แม่นยำ

นายอเล็กซ์ อิพซิลแอนที ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Quantifeed ได้กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการด้านเทคโนโลยีในบริการ MANDATE SERVICE ของ บล.เกียรตินาคินภัทร นำเสนอโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การลงทุนที่แตกต่าง ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี Digital Wealth Solution ที่ได้รับรางวัลระดับเอเชียของ Quantifeed ประกอบกับการวิเคราะห์ด้านการลงทุนระดับมาตรฐานสากลของ บล.เกียรตินาคินภัทร ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริการด้าน Private bank ขึ้นไปอีกขั้นผ่านความเป็นผู้นำด้าน Digital Wealth Management

ดร.จอน กล่าวว่า MANDATE SERVICE ยังใช้จุดแข็งของ บล.เกียรตินาคินภัทร ในการวิเคราะห์และคัดเลือกสินทรัพย์จากหลากหลาย บลจ. (open architecture) เพื่อสร้างโมเดลพอร์ตการลงทุนให้ตอบโจทย์การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ สามารถนำลูกค้าไปสู่การลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลก และในหลายอุตสาหกรรมที่ไม่มีในประเทศ

ปัจจุบัน บล.เกียรตินาคินภัทร มีสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำอยู่กว่า 700,000 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี และล่าสุดเพิ่งได้รับรางวัล 2019 Best Private Bank – Thailand Domestic จากนิตยสาร Asian Private Banker ยืนยันความเป็นผู้นำด้านไพรเวทเวลธ์ของไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ลงทุนจะได้รับการดูแลจากมืออาชีพด้านการแนะนำการลงทุน ที่มีความชำนาญและประสบการณ์กว่า 20 ปี

“การลงทุนในต่างประเทศในปัจจุบันถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะภาพรวมการลงทุนทั่วโลกมีความน่าสนใจและหลากหลายกว่าการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งทำ all time high ไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคง Underperform ตลาดหุ้นโลกต่อไป เนื่องมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องสังคมสูงวัย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับต่ำกว่าประเทศอื่น และกองทุนต่างประเทศก็มีการขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

โดย บล.เกียรตินาคินภัทร ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 หดตัวที่ระดับ -9% ในขณะที่ปรับลดประมาณการการเติบโต ปี 2564 ลงเป็น 3.4% จาก 5.2% เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อย่างการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยไม่สดใสอย่างที่คาด อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ยังซบเซาจนกว่าการวัคซีนจะสามารถเข้าถึงได้โดยกว้าง การล้มละลายของกิจการและระดับการเลิกจ้างที่คาดว่าจะสูงขึ้น และผลกระทบหลังการสิ้นสุดลงของโครงการพักชำระหนี้ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะทำให้เงินสดไหลเวียนที่คอยพยุงอุปสงค์ภายในประเทศมีปริมาณลดลง” ดร.จอน กล่าว