SET รีบาวด์ +7.21 จุด ตามภูมิภาค หวังเลือกตั้งสหรัฐหนุนโฟลว์ไหลกลับ

Stock Graph

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ประจำวันที่ 2 พ.ย.63 ปิดบวกที่ 1,202.16 จุด เพิ่มขึ้น +7.21 จุด หรือปรับขึ้น +0.60% และมีมูลค่าการซื้อขาย 40,734.58 ล้านบาท โดยระหว่างวันปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,202.55 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,191.44 จุด

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +476.05 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ +290.25 ล้านบาท และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +0.05 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ -766.35 ล้านบาท

ด้าน นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด โดยชี้ว่าดัชนีสามารถปรับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,200 จุดได้ และเคลื่อนไหวในแดนบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค อาทิ ตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับขึ้นราว 1% หลังเปิดตลาด โดยคาดว่าปัจจัยบวกที่หนุน SET Index มาจากความคาดหวังเชิงบวกในการเลือกตั้งสหรัฐวันพรุ่งนี้ (3 พ.ย.)

นอกจากนี้ สัปดาห์ก่อน SET Index ปรับลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะวันทำการล่าสุดในวันที่ 30 ต.ค. ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) และส่งผลให้ดัชนีเกิดการฟื้นตัวทางเทคนิก (Technical Rebound) กลับมาในวันนี้

ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมที่ต้องติดตาม นายอภิชาติ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ นอกจากประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ในฝั่งของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) อย่างไรก็ดี คาดว่าจะไม่เห็นการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินออกมาเพิ่มเติบ

ส่วนการเลือกตั้งของสหรัฐ หากนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีชนะการเลือกตั้งจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยด้วย โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ที่แนวรับ 1,190-1,192 จุด และ 1,187 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวต้านที่ 1,205 จุด และ 1,215-1,220 จุด ตามลำดับ

เมื่อสอบถามถึงกลยุทธ์การลงทุน นายอภิชาติ กล่าวว่า บล.ทิสโก้ แนะนำผู้ลงทุน “ทยอยสะสม” และ “ซื้อหุ้นเพิ่ม” ในช่วงที่ดัชนีปรับลงต่ำกว่าระดับ 1,200 จุดลงมา โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นในเดือน พ.ย.จะเป็นจุดต่ำสุด อีกทั้งประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ เชื่อว่าการรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่อนคลายอุณภูมิทางการเมืองลง

“มูลค่าตลาดหุ้นไทย (Valuation) ตอนนี้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (ค่า P/E) ที่ 14.8 เท่า ขณะที่เอเชียอยู่ที่ 14.5 เท่า โดยเราให้น้ำหนักกับหุ้นขนาดใหญ่ที่จะได้อานิสงส์จากฟันด์โฟลว์ไหลกลับ หากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก พลังงาน และแบงก์ขนาดกลาง-เล็ก ที่มีธุรกิจไฟแนนซ์” นายอภิชาติ กล่าว