เปิดจองแล้ว บ้านพักคนชรา “รามาฯ-ธนารักษ์” 9-30 พ.ย.นี้

ธนารักษ์ เปิดจอง “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์” เริ่มต้นห้องละ 1.82 ล้านบาท วันที่ 9-30 พ.ย.นี้ เล็งเปิดเฟส 2 ทันทีหากคนจองเต็ม ด้าน รพ.รามาฯ ผุด “เนอร์สซิ่งโฮม” ดูแลผู้สูงวัยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ควบคู่สร้างเสร็จปี 2565

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองโครงการดำเนิน “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์” ที่กรมร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สป.623 (บางส่วน) จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 20 ไร่ จำนวน 920 ยูนิต ระหว่างวันที่ 9- 30 พ.ย. 2563

ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยไม่หวังกำไร ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1.82 – 2.99 ล้านบาท (ราคารวมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า) ระยะเวลา 30 ปี อยู่ได้ไม่เกินห้องละ 2 คน

สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ คือ 1.ประชาชนทั่วไปที่มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 58 ปี ณ วันที่จองสิทธิ โดยจะสามารถเข้าพักได้เมื่ออายุ 60 ปีบริบูรณ์ 2.มีสุขภาพแข็งแรง ช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งส่วนนี้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นผู้พิจารณาสุขภาพของผู้จอง และ 3.สามารถยอมรับเงื่อนไขค่าใช้จ่ายตามที่โครงการฯ กำหนด หรือยอมรับเงื่อนไขสินเชื่อจากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ

โดยธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมีทั้งหมด 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) บมจ.ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ซึ่งในเรื่องดอกเบี้ยของสินเชื่อที่ปล่อยกู้นั้น ขณะนี้กำลังหารือกับธนาคารอยู่ แต่คาดว่าจะต่ำกว่าโครงการบ้านพักข้าราชการ ที่คิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.12% ต่อปี ส่วนถ้าหากโครงการระยะแรกคนจองเต็มแล้ว กรมจะพิจารณาเปิดโครงการก่อสร้างระยะที่สองต่อไป

“ถือเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่ดูแลผู้สูงวัยแบบครบจร เพราะอยู่ใกล้สถานพยาบาล โดยบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) จะเริ่มก่อสร้างกลางปี 64 และเสร็จสิ้นปลายปี 2565 วงเงินก่อสร้าง 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเปิดให้ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการเข้าพักได้ทันที โดยห้องพักที่ผู้สูงวัยอาศัยจะมีขนาด 31-50 ตารางเมตร ส่วนถ้าหากโครงการระยะแรกมีผู้จองสิทธิเกินกว่าที่กรมวางไว้ กรมจะใช้วิธีจับสลากรายชื่อและตั้งรายชื่อสำรองไว้เพื่อจัดสรรสิทธิให้ตามลำดับ”

ส่วนการจองสิทธินั้นมี 2 ช่องทาง คือ จองผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยให้ผู้สูงอายุหรือตัวแทนแสดงความประสงค์และจัดส่งเอกสารผ่านเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ https://www.treasury.go.th และจองผ่านเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาทิ กรมธนารักษ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพระรามที่ 6 เขตพญาไท กทม. และธพส. เขตหลักสี่ กทม. เฉพาะวันและเวลาราชการ 08.30 น.-16.30 น. เท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดส่งเอกสารผ่านระบบให้แก่ผู้สูงอายุแต่ละราย

“กรณีผู้สูงวัยเสียชีวิตที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพักเสียชีวิตก่อนครบระยะเวลา 30 ปี กรมจะโอนสิทธิให้แก่ทายาท แต่ทายาทไม่สามารถโอนสิทธิให้ผู้อื่นหรือนำไปขายต่อได้ เลือกได้เพียงว่าต้องการเก็บสิทธิไว้หรือจะส่งคืนให้แก่กรม ซึ่งทางกรมจะนำไปจัดสรรให้ผู้ที่จองซื้อคนต่อไป”

ศาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณะบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สำหรับการคัดกรองผู้ที่เข้าร่วมโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ – ธนารักษ์ เบื้องต้นจะดู 2 เรื่อง 1.สถานะทางการเงิน เช่น มีผู้ค้ำประกันหรือไม่ และ 2.สุขภาพ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะต้องมีสุขภาพดี คาดว่าภายใน 2 เดือนหลังจากยื่นจองน่าจะตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้น

ขณะที่ในส่วนของผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการคนดูแล หรือ เนอร์สซิ่งโฮม ซึ่งขณะนี้มีเอกชนหลายแห่งสนใจร่วมลงทุน จำนวน 500 ยูนิต มีทั้งห้องเดี่ยวและห้องรวม ซึ่งจะมีทีมแพทย์คอยดูแล และผู้บริบาลดูแลผู้สูงวัยจำนวนกว่า 1,000 คน

คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 เช่นเดียวกับโครงการบ้านพักสูงอายุของธนารักษ์ และผู้ที่จองบ้านพักอาศัยผู้สูงอายุ หากอยากจะใช้บริการในส่วนเนอร์สซิ่งโฮม ก็สามารถแจ้งความประสงค์ที่โรงพยาบาลได้ จะมีสิทธิประโยชน์พิเศษให้