SET พุ่งเฉียด 1,400 จุด หลัง ธปท.เคาะเกณฑ์คุมบาทอ่อน ฝรั่งคลายกังวล

ภาพประกอบข่าว เงิน-ดอลลาร์

SET Index ทะยานขึ้นใกล้ 1,400 จุด หลัง ธปท.เผยรายละเอียดมาตรการสกัดค่าเงินบาท หนุนฟันด์โฟลว์ต่างชาติผ่อนคลาย-ไหนเข้าเก็งกำไรต่อเนื่อง โบรกฯ เตือนหุ้นไทยแพง แนะถือเงินสดเพิ่ม

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นประจำวันที่ 20 พ.ย.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดบวกที่ 1,389.34 จุด ปรับขึ้น 19.92 จุด หรือปรับขึ้น 1.45% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 90,575.97 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นทำจุดสูงสุด 1,390.37 จุด และต่ำสุดที่ 1,368.20 จุด โดย SET Index ปรับขึ้นโดดเด่น (Outperform) เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิมากที่สุด 2,386.95 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน 1,923.42 ล้านบาท และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 1,526.19 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศมียอดขายสุทธิมากที่สุด 5,836.56 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นมาจากการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายละเอียดมาตรการดูแลค่าเงินบาท 3 มาตรการ ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้ โดยเป็นมาตรการที่สนับสนุนให้เงินไหลออกไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้น แต่ไม่ได้จำกัดการเข้ามาลงทุนของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์คลายความกังวลลง และเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรในตลาดทุนไทย

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสัปดาห์หน้า (23-27 พ.ย.) ประเมินภาพ SET Index ยังมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,400 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,420 จุด เนื่องจากเชื่อว่าในระยะสั้น ธปท.จะยังไม่ประกาศใช้นโยบายดูแลค่าเงินบาทใหม่เพิ่มเติม เอื้อประโยชน์ให้ฟันด์โฟลว์ยังสามารถเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย แต่การเข้ามาดูแลค่าเงินบาทของแบงก์ชาติยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อฟันด์โฟลว์ในระยะถัดไป

Advertisment

โดย บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า ธปท.มีโอกาสออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติม เช่น การกำหนดวงเงินที่ไหลเข้ามาในประเทศ หรือการกำหนดระยะเวลาการถือครองสินทรัพย์ในประเทศของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ขณะที่ SET Index ปรับขึ้นด้วยแรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนพักการลงทุนในตลาดหุ้นและเพิ่มน้ำหนักการถือครองเงินสดมากขึ้น

“แม้เราจะเชื่อว่า ธปท.จะไม่ใช่ยาแรงที่สุดอย่างการเก็บภาษีกับนักลงทุนต่างชาติ แต่ด้วยมูลค่าหุ้นที่เริ่มแพง (Valuation) สะท้อนจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (ค่า P/E) ที่ค่อนข้างสูง จึงแนะนำถือเงินสดเพิ่มและลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ หากต้องการลงทุนในหุ้นแนะนำมองหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก” นายณัฐชาต กล่าว