SET Index ทะยานขึ้นใกล้ 1,400 จุด หลัง ธปท.เผยรายละเอียดมาตรการสกัดค่าเงินบาท หนุนฟันด์โฟลว์ต่างชาติผ่อนคลาย-ไหนเข้าเก็งกำไรต่อเนื่อง โบรกฯ เตือนหุ้นไทยแพง แนะถือเงินสดเพิ่ม
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นประจำวันที่ 20 พ.ย.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดบวกที่ 1,389.34 จุด ปรับขึ้น 19.92 จุด หรือปรับขึ้น 1.45% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 90,575.97 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นทำจุดสูงสุด 1,390.37 จุด และต่ำสุดที่ 1,368.20 จุด โดย SET Index ปรับขึ้นโดดเด่น (Outperform) เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- กรุงไทย ปิดระบบ-แอป Next 11-12 และ 14 พ.ค. นี้ เช็กรายละเอียด
- เปิดทรัพย์สิน-งบการเงิน “มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล” ย้อนหลัง 5 ปี
ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิมากที่สุด 2,386.95 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน 1,923.42 ล้านบาท และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 1,526.19 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศมียอดขายสุทธิมากที่สุด 5,836.56 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นมาจากการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายละเอียดมาตรการดูแลค่าเงินบาท 3 มาตรการ ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้ โดยเป็นมาตรการที่สนับสนุนให้เงินไหลออกไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้น แต่ไม่ได้จำกัดการเข้ามาลงทุนของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์คลายความกังวลลง และเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรในตลาดทุนไทย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าสัปดาห์หน้า (23-27 พ.ย.) ประเมินภาพ SET Index ยังมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,400 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,420 จุด เนื่องจากเชื่อว่าในระยะสั้น ธปท.จะยังไม่ประกาศใช้นโยบายดูแลค่าเงินบาทใหม่เพิ่มเติม เอื้อประโยชน์ให้ฟันด์โฟลว์ยังสามารถเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย แต่การเข้ามาดูแลค่าเงินบาทของแบงก์ชาติยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อฟันด์โฟลว์ในระยะถัดไป
โดย บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า ธปท.มีโอกาสออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติม เช่น การกำหนดวงเงินที่ไหลเข้ามาในประเทศ หรือการกำหนดระยะเวลาการถือครองสินทรัพย์ในประเทศของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ขณะที่ SET Index ปรับขึ้นด้วยแรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนพักการลงทุนในตลาดหุ้นและเพิ่มน้ำหนักการถือครองเงินสดมากขึ้น
“แม้เราจะเชื่อว่า ธปท.จะไม่ใช่ยาแรงที่สุดอย่างการเก็บภาษีกับนักลงทุนต่างชาติ แต่ด้วยมูลค่าหุ้นที่เริ่มแพง (Valuation) สะท้อนจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (ค่า P/E) ที่ค่อนข้างสูง จึงแนะนำถือเงินสดเพิ่มและลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ หากต้องการลงทุนในหุ้นแนะนำมองหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก” นายณัฐชาต กล่าว