“อาคม” สั่ง ศุลกากร เร่งผลักดันระบบเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐ-เอกชน

รมว.คลัง สั่ง ศุลกากร เปลี่ยนบทบาทเน้นอำนวยความสะดวกผู้นำเข้าส่งออกสินค้า ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส แทนการจัดเก็บภาษี พร้อมเร่งผลักดันระบบเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐ-เอกชน (NSW) ให้แล้วเสร็จภายในปี’64

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่กรมศุลกากร ว่า ขณะนี้รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรมีการเปิดเสรีมากขึ้น ส่งผลให้อัตราอากรต่าง ๆ ลดน้อยลง จึงมอบหมายให้กรมศุลกากรหาแนวทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะการปล่อยสินค้าให้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการกำหนดพิกัดอัตราทางศุลกากร และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างโปร่งใส

พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมศุลกากรเร่งผลักดัน National Single Window (NSW) หรือระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจสำหรับการนำเข้า -ส่งออกสินค้า เนื่องจากเป็นเรื่องที่ดำเนินการมานานแล้ว แต่ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยให้กรมศุลกากรประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูว่ายังติดขัดในส่วนใด เพื่อแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 ตามข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

รวมไปถึงการเข้มงวดเรื่องการป้องกันปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย และด้านสุขอนามัยจากพัสดุหีบห่อต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเรื่องสุดท้ายคือการผลักดันการค้าชายแดน (Cross Border) เป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งหรือเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศในพื้นที่อีอีซี รองรับท่าอากาศยานแห่งใหม่ และท่าเรือเฟส 3 ภายใต้แนวคิด Free Zone โดยให้กรมศุลกากรยกระดับด่านมาบตาพุด ให้เป็นสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด ซึ่งจะช่วยให้เป็นแหล่งรอพักสินค้าเพื่อส่งต่อไปประเทศที่ 3 ได้สะดวกยิ่งขึ้น


ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า กรมศุลกากรต้องปรับเปลี่ยนบทบาทมาเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น ส่วนการจัดเก็บรายได้ จะต้องเน้นการจัดเก็บภาษีจากสินค้าทางตรงผ่านภาษีสรรพสามิตและภาษีสรรพากร ซึ่งรายได้ในส่วนนี้จะช่วยชดเชยรายได้จากกรมศุลกากรได้ในระดับหนึ่ง