ตลาดหุ้นสัปดาห์หน้าผันผวน! ต่างชาติชะลอแรงซื้อก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว

ภาพประกอบข่าวหุ้นร่วง

เมย์แบงก์ฯ เตือนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าผันผวน เหตุแรงซื้อต่างชาติแผ่วลงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ส่วนในประเทศยังมีแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี-หุ้น IPO มองกรอบ 1,465-1,500 จุด 

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทยประจำวันที่ 18 ธ.ค.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดที่ 1,482.38 จุด ลดลง 1.51 จุด หรือลดลง 0.10% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 117,095.61 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นทำจุดสูงสุด 1,489.78 จุด และต่ำสุดที่ 1,478.01 จุด ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศมียอดซื้อสุทธิสูงสุด 9,188.20 ล้านบาท และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 57.12 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 5,608.77 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 3,636.55 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นนำตลาดมากที่สุด ได้แก่ PTT +1.18% DELTA +1.40% IVL +2.72% MTC +4.37% และ AEONTS +11.86% ในทางกลับกันหุ้นที่ฉุดดัชนีมากที่สุด ได้แก่ AOT -1.52%  BBL -2.72%  PTTEP -1.47% KBANK -2.06% และ BAY -2.73%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า SET Index แกว่งในกรอบแคบ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในแดนลบก่อนจะมีแรงซื้อกลับในช่วงท้ายตลาด ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างสูงที่ระดับแสนล้านบาท โดยคาดว่าเป็นผลจากการปรับพอร์ตตามดัชนี FTSE ที่จะเริ่มคำนวณหุ้นชุดใหม่ตั้งแต่สัปดาห์หน้า (21-25 ธ.ค.) ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขนาดใหญ่บางตัวกระโดดขึ้นมา

แม้ว่าตลาดหุ้นยังไร้ปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน แต่ด้วยบรรยากาศเชิงบวกทั้งจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) ที่ยังเป็นบวกส่งผลให้ดัชนีเลือกที่จะปรับขึ้นมากกว่าปรับลง อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (Key Event) เริ่มเบาบางลง เนื่องจากใกล้เข้าสู่วันหยุดยาว โดยคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,465 จุด และแนวต้าน 1,500 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 23 ธ.ค. คาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% โดยให้ความสำคัญกับการเปิดเผยมุมมองต่อเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่ กนง.อาจปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2564 นอกจากนี้ เชื่อว่าจะมีการกล่าวถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ไม่สามารถออกเป็นมาตรการแทรกแซงค่าเงินบาทได้ จากกระแสข่าวที่ไทยถูกจับตาแทรกแซงค่าเงินจากสหรัฐ

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ แนะนำจับตาการพิจารณาร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จากสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจที่แผ่วลง คาดว่าการเร่งออกมาตรการกระตุ้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุด สหรัฐแบ่งร่างกฎหมายออกเป็น 2 ฉบับเพื่อให้การพิจารณาทำได้ง่ายขึ้น

นายวิจิตร กล่าวอีกว่า ความเสี่ยงสำคัญที่ต้องระวังสัปดาห์หน้า คือ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่อาจเบาบางลง โดยจากสถิติที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะมีวอลุ่มการซื้อขายเบาบางลง 2 สัปดาห์ก่อนวันหยุดยาว ซึ่งการหายไปของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติส่งผลให้ตลาดหุ้นเสี่ยงที่จะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น

“SET Index อาจเหวี่ยงได้แรงกว่าตอนที่นักลงทุนต่างชาติซื้อขาย ทั้งจากนักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีท้ายปี รวมถึงหุ้น IPO ที่เตรียมเข้าระดมทุนอีก 3 ตัว โดยเฉพาะหุ้นเคอรี่ (KEX) ที่มีความต้องการลงทุนสูง ในทางกลับกันการปิดสัญญาบล็อกเทรดของรายย่อยอาจส่งผลให้ตลาดร่วงลงกว่าที่ประเมินเอาไว้” นายวิจิตร กล่าว

เมื่อสอบถามถึงกลยุทธ์การลงทุน นายวิจิตร กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงสัปดาห์หน้า แนะนำซื้อหุ้นขนาดกลางแทนหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาเริ่มตึงตัว โดยเลือกหุ้นเด่นน่าลงทุน ได้แก่ RS JMART และ SC