ผู้ลงทุนคริปโทฯเฮ! ผลมติบอร์ด ก.ล.ต. ไม่ใช้เกณฑ์คุณสมบัติรายได้ 

ก.ล.ต.เผยผลมติบอร์ดเกณฑ์คุณสมบัติผู้ลงทุนคริปโทเคอเรนซี “ไม่ใช้เกณฑ์รายได้” แต่ผู้ลงทุนต้องมีประสบการณ์ซื้อขายมาก่อน ถ้าไม่มีผู้ประกอบธุรกิจต้องให้คำแนะนำเข้าคอร์สอบรมหรือการทดสอบความรู้ พร้อมช่วยประเมินจัดสรรพอร์ตลงทุนอย่างเหมาะสมตามความเสี่ยง เร่งวางเกณฑ์ปฏิบัติ-จัดทำแบบทดสอบมตรฐาน ก่อนออกเกณฑ์กำหนดบังคับใช้ต่อไป

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงาน ก.ล.ต.ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็น(เฮียริ่ง) เกณฑ์คุณสมบัติผู้ลงทุนและแนวทางการกำกับดูแลการซื้อขายคริปโทเคอเรนซี และได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.(บอร์ด) ไปแล้วในวันนี้(1 เม.ย.64) ผลมติบอร์ด ก.ล.ต.มีข้อสรุปดังต่อไปนี้ 

1.เกณฑ์คุณสมบัติด้านความรู้ ผู้ที่สนใจลงทุนคริปโทเคอเรนซีจะต้องเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการซื้อขายคริปโทเคอเรนซีมาก่อน หรือผ่านการเข้าคอร์สอบรมความรู้เกี่ยวกับการซื้อขายคริปโทเคอเรนซี ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องความเสี่ยงจากการซื้อขาย หรือความรู้การเทรด การโอนเหรียญ และการเก็บรักษาเหรียญ หรือผ่านการทดสอบความรู้(Knowledge-Test) 

2.เกณฑ์คุณสมบัติด้านความสามารถในการรับความเสี่ยง จะไม่มีเกณฑ์ฐานะทางการเงินแล้ว แต่จะขอให้ผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล มีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำ หรือให้ความรู้กับผู้ลงทุนในการรู้จักการแบ่งพอร์ตการลงทุน หรือจัดสรรการซื้อขายคริปโทเคอเรนซีให้เหมาะสม เพราะเวลาเกิดผลเสียหายขึ้นมาผู้ลงทุนจะได้ไม่เจ็บตัวมากนัก 

ซึ่งทั้งหมดผู้ประกอบการต้องเป็นผู้ไปดำเนินการดูแลให้เกิดขึ้น เพราะเป็นผู้อยู่ในพื้นที่และรู้จักเข้าใจลักษณะของลูกค้าแต่ละราย โดย ก.ล.ต.พร้อมสนับสนุนในส่วนนี้ 

“จริงๆ ก่อนจะเปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลให้ลูกค้าเข้าไปซื้อขายคริปโทเคอเรนซี ผู้ประกอบการต้องทำความรู้จักลูกค้าและพิสูจน์ตัวตนลูกค้า โดยให้ลูกค้ากรอกข้อมูลต่างๆ เพื่อผู้ประกอบการจะได้นำข้อมูลไปตรวจสอบ ขณะเดียวกันผู้ประการต้องทำใบประเมินความเสี่ยง (Suitability Test) ลูกค้าแต่ละราย ซึ่งตัวนี้จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบ 2 เรื่องคือ 1.ความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน 2.ความเต็มใจเข้าไปรับความเสี่ยงในการซื้อขายคริปโทเคอเรนซี ซึ่งจริงๆ แล้วปัจจุบันผู้ประกอบการก็ดำเนินการอยู่แล้ว โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมคือ จัดให้มีการอบรมให้ความรู้ผู้ลงทุน หรือทำแบบทดสอบความรู้กับผู้ลงทุน” 

โดย ก.ล.ต.รับข้อเสนอแนะในการจัดทำหลักสูตรอบรมให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคริปโทเคอเรนซี ภายใต้ชื่อ “คริปโท 101” แก่ผู้สนใจ โดยจะเริ่มเผยแพร่ผ่านช่องทางเพจ Start-to-Invest ในวันพฤหัสบดีที่ 8 เม.ย.64 เป็นตอนแรก โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญสินทรัพย์ดิจิทัลมาให้ข้อมูลความรู้ เพื่อให้คนมีความเข้าใจในการซื้อขายคริปโทเคอเรนซีมากขึ้น 

นอกจากนี้ ทางก.ล.ต.จะพัฒนาแบบทดสอบความรู้(Knowledge-Test) ขึ้นมาเพื่อจะใช้ทดสอบผู้ลงทุนต่อไป ซึ่งหากผลทำแบบทดสอบออกมาไม่ผ่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถซื้อขายคริปโทเคอเรนซีได้ เพราะการพัฒนาแบบทดสอบความรู้(Knowledge-Test) รอบนี้มีวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง 1.ทำให้ผู้ซื้อขายมีความรู้ความเข้าใจในโปรดักต์ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงตรงไหน 2.เป็นการเตือนให้ผู้ซื้อขายรู้ว่าคริปโทเคอเรนซีมีความเสี่ยงในเรื่องใดบ้าง เพื่อระมัดระวังเวลาเข้ามาซื้อขาย 

โดยจะจัดทำให้แบบทดสอบออกมาเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อใช้เป็นแนวทางในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่ง ก.ล.ต.จะไปจับมือกับผู้ประกอบการดีไซน์แบบทดสอบความรู้นี้ขึ้นมา 

ทั้งนี้เมื่อถามถึงลูกค้าที่มีญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้วถือว่ามีประสบการณ์การซื้อขายคริปโทเคอเรนซีแล้วใช่หรือไม่  นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า อาจจะต้องมีหลักฐานการซื้อขายมายื่นต่อผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายผ่าน บริษัทไหนก็ตาม เพื่อให้ผู้ประกอบการพิจารณาได้ว่าคุณสมบัติของลูค้ารายนั้นเป็นไปตามที่ ก.ล.ต.กำหนด 

หลังจากนี้ ก.ล.ต.จะต้องมีการออกเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติเกี่ยวกับการรับลูกค้าต่อไป หากลูกค้ารายนั้นไม่มีประสบการณ์อาจจะมีทางเลือกให้ 2 แบบคือ 1.บุคคลนั้นต้องไปเข้าอบรมเพื่อที่จะได้มีความรู้ หรือ 2.ไปทำแบบทดสอบความรู้(Knowledge-Test) ถึงจะสามารถเปิดบัญชีซื้อขายให้ลูกค้ารายนั้นได้ โดยหลังจากนี้จะต้องนำเกณฑ์ปฏิบัติไปรับฟังความเห็นกับภาคธุรกิจ ก่อนจะออกเป็นข้อกำหนดออกมา