โบรกฯ คาดจีดีพีไทย ไตรมาส 2 ฟื้นตัวล่าช้าคล้ายประเทศอังกฤษ 

เศรษฐกิจไทย
Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

“บล.เอเซียพลัส” คาดจีดีพีไทยไตรมาส 2/64 ฟื้นตัวล่าช้าคล้ายกรณีประเทศอังกฤษ ติดตามผู้ติดเชื้อพุ่งแรง หากยืดเยื้อ กดดันเศรษฐกิจไทยปี 64 ด้านตลาดหุ้นประเมินอ่อนตัวช่วงสั้น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด รายงานว่า ตลอดสัปดาห์นี้เนื่องจากอยู่ใกล้เทศกาลสงกรานต์ และมีวันหยุดยาวในช่วงกลางสัปดาห์ ประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายน่าชะลอลงกว่าปกติ และตลาดหุ้นไทยคาดจะอยู่ในโหมดรอดู (Wait & See) และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยรอบนี้ตลาดกังวลการแพร่โควิด-19 ในสายพันธุ์ B.1.1.7 (สายพันธุ์อังกฤษ) แพร่ระบาดเร็วล่าสุด วานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 976 ราย ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์และแพร่ระบาดไปแล้ว 70 จังหวัด ดีต่อหุ้นถุงมือยาง อาทิ  STGT หุ้นประกันโควิด อาทิ BLA, TQM ทำให้ 37 จังหวัดให้กักตัวคนเดินทางจากนอกพื้นที่คาดกดดันหุ้นเปิดเมือง

การระบาดดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์มีความคล้ายกับการล็อกดาวน์(Lockdown) เนื่องจากประชาชนลดการเดินทางท่องเที่ยว และจับจ่ายใช้สอย แม้ว่าปัจจุบันภาครัฐจะยังไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหากสถานการณ์การระบาดยังมีแนวโน้มยืดเยื้อออกไปจะสร้างดาวน์ไซต์ต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ทาง Consensus คาดอยู่ในช่วง 2.5-3% และคาด 2.6%

ฝ่ายวิจัยพิจารณาจากกรณีของประเทศอังกฤษที่เผชิญการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ B.1.1.7 (สายพันธุ์อังกฤษ) ในช่วงไตรมาส 4/63 จะพบว่า จีดีพีของอังกฤษฟื้นตัวช้าลงในงวดไตรมาส 4/63 เทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่เผชิญการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ]

แสดงให้เห็นว่าจีดีพีอังกฤษงวดไตรมาส 4/63 หดตัวในอัตราที่น้อยลงเหลือ -7.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จาก -8.5% ในงวดไตรมาส 3/63 หรือหดตัวน้อยลง 1.2% ซึ่งนับว่าต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น และไทย ที่หดตัวน้อยลง 4.4% และ 2.2% ตามลำดับ ในช่วงเวลาเดียวกัน (สะท้อนจากความชันของกราฟที่แตกต่างกัน)

ในส่วนไทย ปัจจุบันเผชิญการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ เช่นกัน จึงอาจส่งผลให้จีดีพีไทยในงวดไตรมาส 2/64 ฟื้นตัวล่าช้าคล้ายกับกรณีอังกฤษได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างดาวน์ไซต์ต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ต่อไป แต่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจีดีพีไทยคงไม่กลับไปติดลบถึง -12.1% YoY เหมือนงวดไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าจะไม่มีการ Lockdown เข้มงวด หนุนให้เศรษฐกิจไทยยังคงผ่านจุดต่ำสุด (Bottomed Out) มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดหุ้นประเมินว่ากระทบไม่มากนัก สะท้อนจากตลาดหุ้นอังกฤษปรับลดลงช่วงในสั้นๆ เท่านั้น และยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นชัดเจน เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักการกระจายวัคซีน COVID-19 (อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2563)

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงจำกัด เพราะการฉีดวัคซีนในไทยเดินหน้าเช่นกัน สะท้อนจากปัจจุบันไทยมีผู้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 5.55 แสนราย หรือ 0.8% ของประชากร  และวัคซีนชุดใหญ่จาก AstraZeneca  จะมาช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค.64 รวมถึงการเปิดให้เอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ ราว 10 ล้านโดส เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนเสริมอีกแรง

และล่าสุดภาครัฐจะเริ่มมีการหาแนวทางการจัดหาวัคซีนทางเลือก จากโรงพยาบาลเอกชน เบื้องต้นน่าจะต้องการจัดหาราว 10 ล้านโดส สำหรับการให้บริการประชาชนราว 5 ล้านคน โดยจะเป็นการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม คาดจะมีการสรุปนโยบายภายในช่วงเดือน พ.ค.64 ภาพรวมการให้บริการวัคซีนเป็นอัพไซต์ ต่อประมาณการ ทั้งฐานกำไร ประเมินเป็นบวกต่อหุ้นโรงพยาบาล อาทิ  BCH,  BDMS, CHG