DMT เตรียมจ่ายปันผลQ3 เล็งเข้าประมูลบริหารมอเตอร์เวย์-จุดพักริมทาง

DMT เล็งเข้าประมูลบริหารมอเตอร์เวย์-จุดพักริมทาง โชว์ความแข็งแกร่งหลังไอพีโอ “บริษัทปลอดหนี้” แย้มเปิดกว้าง Strategic Partner ลุยลงทุนโครงการใหม่ เผย “ซีพี-เคอรี่” ผู้ถือหุ้น-พันธมิตรหลักพร้อมร่วมทุน ระบุเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาลช่วงไตรมาส 3/64 จากกำไรงวดครึ่งแรกของปี 64 แก่นักลงทุนใหม่

นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง(DMT) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจบริหารโครงการใหม่ๆ จากนโยบายภาครัฐที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและบริหารโครงการทางหลวงพิเศษและทางพิเศษ ตามแผนระยะ 20 ปี (2560-2579) ซึ่งจะมีแผนพัฒนามอเตอร์เวย์จำนวนกว่า 20-30 โครงการ ระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร

โดยปี 64-65 ที่ภาครัฐพยายามเร่งดำเนินการ จะมีอยู่ประมาณ 3-4 โครงการที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82) ระยะทาง 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการศักยภาพที่มุ่งไปสู่ภาคใต้ ปัจจุบันภาครัฐเริ่มมีการก่อสร้างระยะแรกไปแล้ว 10 กิโลเมตร

2.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย บางปะอิน-นครราชสีมา(M6) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มกิจกรรมเดินทางในหัวเมืองกรุงเทพด้านเหนือแถบรังสิต/บางปะอิน นอกจากการเดินทางสัญจรโดยปกติแล้ว การขนส่งโลจิสติกส์ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศและการค้าขายจะดีขึ้นด้วย

ซึ่งในช่วงปลายปี 64 ภาครัฐอาจจะมีความชัดเจนที่จะให้เอกชนมาร่วมดำเนินการ ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะมีสัปทานประมาณ 30 ปี แต่สำหรับบางโครงการ อาทิ โครงการทางพิเศษสาย กะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ในปี 64-65 ที่จะมีการเชิญเข้าร่วมประมูล (Invitation to bid) คาดว่าสัปทานอาจจะขยายเกิน 30 ปี ขึ้นอยู่กับการลงทุนโครงการ ต้นทุนในก่อสร้างและการบริหารจัดการ หากมีต้นทุนที่แพงขึ้น เพื่อลดภาระผู้ใช้ทางภาครัฐคงจะยืดสัปทานให้ยาวขึ้นเพื่อให้เอกชนมีความคุ้มค่าและครอบคลุมความเสี่ยงในการลงทุนในอนาคต

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายการให้บริการไปสู่ธุรกิจหรือโครงการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทางด่วนและทางพิเศษ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โครงการจุดพักริมทาง เพราะอนาคตกรมทางหลวงซึ่งดูแลมอเตอร์เวย์ จะมีการประมูลที่พักริมทางบนมอเตอร์เวย์ สำหรับพันธมิตรที่จะเข้ามาเสริมบริษัทเปิดกว้าง นอกเหนือจากที่บริษัทมีพันธมิตรคือบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ บริษัท ไทยรุ่งเรือง – เคอรี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทและเป็นพันธมิตร ที่อนาคตบริษัทสนใจเป็น Strategic Partner ในโครงการใหม่ๆ

“ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของเรามีสูง เพราะหลังจากไอพีโอบริษัทจะปลอดภาระหนี้ (debt free company) ซึ่งหนุนประสิทธิภาพและความเชื่อถือในการบริหาร ที่น่าจะมีโอกาสเข้าไปมีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยได้” นายธานินทร์กล่าว

เบื้องต้นเม็ดเงินที่ต้องกันไว้เพื่อลงทุนนั้น จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของ TOR ที่ภาครัฐจะออกมาแต่ละโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการจะมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน แต่ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมเต็มที่ทั้งบุคลากรและเงินลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ PPP Net Cost หรือ PPP Gross Cost ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์อยู่แล้ว” นายธานินทร์ กล่าว

นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทเตรียมจะจ่ายปันผลระหว่างกาลของผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปี 64 ประมาณช่วงไตรมาส 3/64 และจะเป็นปันผลครั้งแรกของนักลงทุนใหม่ หลังจากนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้เป็นวันแรก ซึ่งในฐานะที่บริษัทเป็นหุ้นปันผลก็จะมีเงินปันผลระหว่างกาลหลังปิดงบการเงินไตรมาส 2/64 ซึ่งมั่นใจว่าปันผลได้เพราะเงินที่ได้จากระดมทุนนำไปชำระหนี้หมดแล้ว ฉะนั้นรายรับที่เข้ามาก็จะเป็นกำไรและกระแสเงินสดเอาไปปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย

ทั้งนี้ประเมินว่ารายได้ปี 64 ภายใต้ผลกระทบโควิด-19 คงจะยึดตัวเลขพื้นฐานปี 63 ไปก่อน โดยปีที่ผ่านมาบริษัทรายได้รวมอยู่ที่ 2,063 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 791.4 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 38.7% โดยหวังว่ากิจกรรมการเดินทางน่าจะดีขึ้นตามการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น