คลัง อัพเกรดแอป “ถุงเงิน” ป้องกันร้านค้าทุจริต “เราชนะ”

คลัง จับมือ กรุงไทย อัพเกรดแอป “ถุงเงิน” ป้องกันร้านค้าทุจริตโครงการ “เราชนะ” พร้อมตั้งคณะทำงานติดตามตรวจสอบข้อมูล-ร้องเรียนโครงการ ชี้ระงับสิทธิร้านค้าชั่วคราวแล้ว 2.7 พันแห่ง ส่วนความคืบหน้าการใช้จ่ายทะลุ 2.66 แสนล้านบาท 

วันที่ 10 มิถุนายน 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้มีการกำหนดแนวทางเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะ อย่างเข้มงวด โดยได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ และได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปรับปรุงระบบการปฏิบัติงานของแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ให้มีความรัดกุมและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริต ตลอดจนควบคุมและลดโอกาสในการกระทำความผิดของผู้ประกอบการ

“ในกรณีที่พบการกระทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการ เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น จะดำเนินการระงับสิทธิชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการ และร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังได้ทำการระงับสิทธิชั่วคราวผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากตรวจพบธุรกรรมที่ผิดปกติจำนวน 2,751 ราย”

อย่างไรก็ดี ได้มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งจัดส่งเอกสารชี้แจงโต้แย้งมาภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคณะทำงานได้วินิจฉัยเอกสารชี้แจงโต้แย้งแล้วและได้มีมติให้ยกเลิกการระงับสิทธิชั่วคราวผู้ประกอบการจำนวน 187 ราย โดยผู้ประกอบการจะสามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะโดยการใช้แบนเนอร์  “เราชนะ” ในแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ได้อีกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านการวินิจฉัย สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะมีเอกสารแจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร

ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการ ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 266,612 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการ ที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 22.1 ล้านคน  ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่  5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 100,025 ล้านบาท

2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์  www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 17.1 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 146,471 ล้านบาท 

และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 20,116 ล้านบาท