“ณพ ณรงค์เดช” จ่ายค่าหุ้น รับต้องพึ่งศาลช่วย อยากคืนความสุขให้ทุกฝ่าย

ณพ ณรงค์เดช นพพร

มหากาพย์! นพพร น้อมรับคำสั่งศาลสิงคโปร์ กรณีวินิจฉัยการตีความเรื่อง “กระบวนการพิจารณา” หรือ “jurisdiction” ของคำชี้ขาดเดิม แต่ศาลสิงคโปร์ไม่ได้ห้ามให้ฟ้องคดีต่ออนุญาโตตุลาการในเนื้อหาเรื่องภาระหนี้ที่มีอยู่ใหม่อีกครั้ง ชี้คดีความยังไม่สิ้นสุด หนี้ค่าหุ้นกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่หายไปไหน เร่ง “ณพ” แก้ปัญหาตัวเอง ทุกฝ่ายจะได้มีความสุข

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ก่อตั้งบริษัท บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง เปิดเผยถึงกรณี “ทนายที่ชื่อนายปกปัก ทองภักดี และนายณพให้ข่าวต่อสื่อ เผยว่าศาลสิงคโปร์พิพากษาชี้ชัด ณพ ณรงค์เดช ไม่ผิดสัญญาซื้อหุ้นกลุ่ม WEH-พ้นทุกข้อกล่าวหา

โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด นั่นหมายถึงนายณพไม่ได้ติดค้างชำระค่าหุ้น ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อหุ้นตามที่โดนกล่าวหาและไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในกระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการ ตามที่นายนพพรร้องขอ เท่ากับว่านายณพได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ซื้อจากนายนพพร ผู้ต้องหาหนีคดี ครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญาซื้อขายแล้ว”

ว่า ตนเองน้อมรับคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ แต่คำตัดสินนี้มิได้ตัดสินว่านายณพ ณรงค์เดชไม่ได้เป็นหนี้ ค้างชำระค่าหุ้น จำนวน 525 ล้านเหรียญบวกดอกเบี้ย ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ออกมา

นาย ณพ ณรงค์เดช

ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยในเนื้อหาของคดี เช่นไม่มีอำนาจพิพากษาว่าใครเป็นหนี้ใคร หรือไม่ได้เป็นหนี้ใคร เมื่อศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่ากระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการยังขาดความสมบูรณ์หรือครบถ้วน

ก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำชี้ขาดได้ ในกรณีนี้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่า กระบวนการพิจารณาของคดีอนุญาโตตุลาการในคดีค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย ยังขาดความสมบูรณ์ ศาลก็มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ก็ชอบที่บริษัทฯ จะนำเสนอข้อพิพาทใหม่ต่ออนุญาโตตุลาการหากยังไม่ได้รับการชำระหนี้

ดังนั้น เมื่อนายณพได้หุ้นไปแล้ว และความเป็นเจ้าหนี้ค่าหุ้นของนายนพพรตามกฏหมายยังคงอยู่  ตนจะเสนอข้อพิพาทเรียกเงินค่าหุ้นจำนวน 525 ล้านเหรียญพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย อีกครั้ง ต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากนายณพให้ความร่วมมือไม่ถ่วงเวลา ก็จะมีคำชี้ขาดเรื่องนี้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

“นายณพ ยังมีหนี้ที่จะต้องชำระอยู่ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งค้างชำระมานานกว่า 5 ปี และไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายณพ เพื่อแสดงความจริงใจในการชำระหนี้ส่วนนี้เลย ตนจึงต้องขอพึ่งกระบวนการศาลยุติธรรมที่จะเรียกร้องให้ นายณพชำระหนี้ตามสัญญาให้ครบตามจำนวน เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบเสียที” นายนพพร กล่าวย้ำ

ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำชี้ขาดตัดสินให้ นายณพ ชำระค่าหุ้นให้ตนเอง แต่นายณพเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อีกทั้งนายณพและพวก โดยเฉพาะทีมทนายส่วนตัวของนายณพ ยังวางแผนโอนหุ้นไปให้พรรคพวกตัวเองในราคาที่ต่ำ และหุ้นบางส่วนก็ขายไปให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องในราคาสูง เช่นบริษัท AQ Estate ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

หลังจากนายณพได้เงินจากการขายหุ้นมา แต่ก็ไม่เคยนำเงินมาชำระหนี้เพิ่มเติมเลย ต่อมา ตนได้รับเอกสารจากการดำเนินคดีกับณพในประเทศไทยและมีข้อมูลที่ทีมทนายของตนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพึ่งศาลในประเทศอังกฤษ ตนเลยมีความจำเป็นที่ต้องยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษ ให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy) กับจำเลยต่างๆ

รวมถึงบริษัทโกลเด้น มิวสิค ของนายณพในประเทศฮ่องกง ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ฯ จำนวนกว่า 42 ล้านหุ้น และมีมูลค่ามากพอที่จะนำเงินมาใช้หนี้บางส่วนได้ ภายหลังหากถูกบังคับคดีขายทอดตลาด ดังนั้น คดีฉ้อฉลในประเทศอังกฤษนี้จึงเป็นคดีหลักสำหรับข้อพิพาทระหว่างบริษัทของนายนพพร กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช

ปัจจุบันหุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิคถือก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอน โดยศาลสูงอังกฤษ คดีที่ศาลอังกฤษนี้จะสืบพยานเดือนตุลาคมปีหน้า และคาดว่าจะมีคำพิพากษาในอีกไม่นานหลังจากนั้น

นาย นพพร ศุภพิพัฒน์

ปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษในคดีฉ้อฉล ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อฉลหลายคนจะมีผลสำคัญต่อการจบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ตนเข้าใจความรู้สึกและเห็นใจผู้ถือหุ้นวินด์ทุกท่าน ที่อยากเห็นบริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้จน สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และทำให้บริษัทมีการเติบโต มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่เมื่อนายณพ ยังไม่นำเงินมาชำระหนี้ค่าหุ้น ตนเองก็จำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเองจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด

หรือนายณพเปลี่ยนใจนำเงินมาชำระหนี้ทั้งหมด ตนก็พร้อมที่จะจบเรื่อง ที่ผ่านมาผมได้ยินข่าวว่ามีนักลงทุนหลายรายพยายามเข้ามาเจรจาลงทุนซื้อกิจการของวินด์ เพราะเขาเห็นศักยภาพของวินด์ และผู้ถือหุ้นวินด์จะได้เงินตอบแทนที่เหมาะสม แต่ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นักลงทุนทุกคนหนีหมด” นายนพพร กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ยังมีการฟ้องคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้กับนายณพ ณรงค์เดชกับพวกในประเทศไทย ซึ่งหลังจากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ศาลอาญาพบว่าคดีมีมูล จึงสั่งประทับรับฟ้องนายณพ และนางพอฤทัย ภรรยา โดยให้นายณพกับภรรยาประกันตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

รวมไปถึงคดีที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้ง บริษัท เคพีเอ็น แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ซึ่งก็พิสูจน์ถึงการกระทำนายณพ ที่ไม่ยอมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ