สบน. ปลื้ม! พันธบัตรออมทรัพย์ “ยิ่งออมยิ่งได้” คนแห่ลงทุนพุ่ง 1 หมื่นราย

สบน. ปลื้ม! คนแห่ลงทุนพันธบัตรออมทรัพย์ “ยิ่งออมยิ่งได้” บนวอลเล็ต สบม. พุ่ง 1 หมื่นราย ขายเกลี้ยง 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 2.45 ชม. ชี้นักลงทุนเข้าถึงพันธบัตรตั้งแต่อายุ 15-94 ปี แนะคนพลาดรอซื้อ “ยิ่งออมยิ่งได้” ผ่าน 4 แบงก์ตัวแทน 12 ก.ค.64

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ “ยิ่งออมยิ่งได้บนวอลเล็ต สบม.” รุ่นอายุ 3 ปี ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสามารถจำหน่ายได้ 3,000 ล้านบาท ในเวลา 2 นาที และจำหน่ายได้ 5,000 ล้านบาท ในเวลา 10 นาที และจำหน่ายได้ครบ 10,000 ล้านบาท ในเวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของไทยและของโลกบนแพลตฟอร์มภาครัฐที่เข้าถึงประชาชน ตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล สร้างโอกาสให้ผู้ลงทุนได้เข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ผลตอบแทนดี มั่นคงปลอดภัยได้อย่างสะดวก แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “ยิ่งออมยิ่งได้บนวอลเล็ต สบม.” มีผู้สนใจลงทุนถึง 11,874 ราย วงเงินซื้อเฉลี่ยต่อรายประมาณ 842,176.18 บาท โดยเป็นผู้ลงทุนอายุตั้งแต่ 15 ปี จนถึงอายุ 94 ปี โดยสิ่งที่น่าสนใจในการจำหน่ายครั้งนี้ คือ มีผู้ลงทุนอายุต่ำกว่า 60 ปี ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 52 ของวงเงินจำหน่าย และคิดเป็นร้อยละ 73 ของผู้ลงทุนทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับแนวคิดที่มีต่อพันธบัตรออมทรัพย์จากผลิตภัณฑ์เพื่อการออมเงินเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนและกระจายความเสี่ยงสำหรับคนทุกกลุ่มอายุทุกกลุ่มรายได้

นอกจากนี้ พันธบัตรออมทรัพย์ที่จำหน่ายผ่านวอลเล็ต สบม. ยังเข้าถึงผู้ลงทุนจากทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยมีจำนวนผู้ลงทุนจากนอกกรุงเทพและปริมณฑลเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ของวงเงินจำหน่าย แสดงถึงความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ และแนวโน้มการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเปลี่ยนวิถีการออมการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย ลดความเสี่ยงของประชาชนในภาวะ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี


สำหรับผู้ที่พลาดการลงทุนในครั้งนี้ ยังคงมีพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ “ยิ่งออมยิ่งได้” ที่จะจำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกสิกรไทยฯ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ในวันที่ 12-23 กรกฎาคม 2564 โดยจะจำหน่ายให้แก่ประชาชนในรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย แบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 1.90 ต่อปี และจำหน่ายให้แก่นิติบุคคลไม่แสวงหาผลกำไรที่กระทรวงการคลังกำหนดในรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.20 ต่อปี