SECURE แย้มงบฯ Q2 ฟอร์มเจ๋ง! ดันรายได้ทั้งปีโต 15%-เล็ง M&A

เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว “SECURE” ส่งซิกงบฯไตรมาส 2/64 สัญญาณดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก มั่นใจแข็งแกร่ง ตามความต้องการผลิตภัณฑ์บริการ “Cyber security” ที่เพิ่มขึ้นจากองค์กรภาครัฐ-เอกชน หนุนรายได้ปี’64 โตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15% แตะ 800 ล้านบาท เผยอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ไซเบอร์ซีเคียวริตี้รายใหญ่จากต่างประเทศ-เล็งเข้าซื้อกิจการธุรกิจเกี่ยวเนื่องเสริมการเติบโต

วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ของบริษัท คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้ากลุ่ม Network Security และสินค้ากลุ่มการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home (WFH) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย อีกทั้งเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นในยุค 5G จึงทำให้มั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15% หรือแตะ 800 ล้านบาท จากปีก่อน 2563 ที่มีรายได้ 639 ล้านบาท

นักรบ เนียมนามธรรม

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการด้าน cyber security ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ทั้งจากองค์กรภาครัฐ และเอกชน, การบังคับใช้พระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA จะทำให้องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องลงทุนในซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ SECURE โดยบริษัทได้เตรียมพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองขึ้น

ได้แก่ UCP และ PDPA Pro เพื่อรองรับความต้องการทั้งองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs ในประเทศ, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งจากเจ้าของผลิตภัณฑ์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง รวมถึงมีโอกาสในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเจ้าของผลิตภัณฑ์รายใหม่ และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้รายใหญ่จากต่างประเทศในอนาคตอันใกล้ และอยู่ระหว่างพิจารณาการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตของบริษัทในอนาคต

“บริษัทยังมีโอกาสอีกมากในการรับงานใหม่ ๆ เพิ่ม ทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะต้องลงทุนเพิ่มในส่วนระบบบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล เมื่อ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย เริ่มมีผลบังคับใช้กลางปี 2565  จึงประเมินว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างมีศักยภาพ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายของบริษัท คือ จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อสร้างฐานกำไรให้เติบโตอย่างมีศักยภาพในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น” นายนักรบกล่าว