รมว.คลัง ชี้จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี’64 ภายใน ก.ค.นี้ พร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หวังเยียวยาโควิดได้เร็ว ด้าน สศค.เผยเป้าประมาณการจีดีพีปีนี้ อยู่ระดับดีกว่า 0% รับวิกฤตโควิดทำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยต่ำกว่าคาดไว้ 2 ล้านคน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวกับการประเมินสภาวะเศรษฐกิจทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการประเมินเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2564 นี้ซึ่งคาดว่าในเร็ว ๆ นี้แต่ละหน่วยงานก็คงจะประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยหลังจากรับทราบตัวเลขจีดีพีแล้ว ก็คงมีการประเมินและประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งการปรับประมาณการเศรษฐกิจนั้น จะเป็นไปตามรอบแต่ละไตรมาส โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจภายในเดือน ก.ค.นี้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หากมีอะไรต้องออกมาตรการเยียวยา ก็จะได้ทันท่วงที แต่ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการใหม่ ๆ อะไรที่ออกมา เพราะกระทรวงการคลังเพิ่งจะออกมาตรการ ทั้งคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ มาตรการพักหนี้เงินต้นพักดอกเบี้ย ของสถาบันการเงินทั้งธนาคารของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ ฉะนั้นต้องรอผลมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาก่อน หลังจากนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่ารัฐควรจะออกมาตรการใดเพิ่มเติมอีกครั้ง”
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้ สศค.อยู่ระหว่างการรวบรวมและทำการสรุปข้อมูลทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ผลจากมาตรการรัฐ เพื่อประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมปรับประมาณการจีดีพี ปี 2564 ซึ่ง สศค.จะมีการแถลงในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ โดยแนวโน้มของการปรับจีดีพีนั้น อยู่ในระดับที่ดีกว่า 0% แน่นอน ส่วนจะอยู่เท่าไรนั้นอยู่ในขั้นตอนการประเมิน
อย่างไรก็ตาม ในการประเมินครั้งล่าสุด เมื่อเมษายน 2564 ที่ประเมินจีดีพีไว้ 2.3% นั้น เพราะคาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ จำนวน 2 ล้านคน แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงกว่าที่เคยคาดไว้มาก ในขณะที่ภาคการส่งออกอยู่ในช่วงปรับตัวดีขึ้น ส่วนการประกาศล็อกดาวน์กะทันหันของรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ดังนั้นจึงทำให้การประมาณการจีดีพีครั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ก็ยังคงต้องติดตาม
ส่วนมาตรการเยียวยาและบรรเทาทางเศรษฐกิจ ในครั้งนี้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนฝั่งผู้ประกอบการในพื้นที่ควบคุมเข้มงวดและสูงสุด หรือล็อกดาวน์ 10 จังหวัดเป็นหลัก จากที่ผ่านมามาตรการทั้งหลายของรัฐบาล ออกมาช่วยฝั่งประชาชนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงเห็นว่าควรช่วยเหลือฝั่งผู้ประกอบการโดยตรงบ้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการล็อกดาวน์ จึงออกมาตรการมาในรูปแบบนี้ ในขณะเดียวกันการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ ก็จะช่วยลูกจ้างพนักงาน เน้นคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม รวมทั้งคนนอกระบบที่ยังไม่มีฐานข้อมูลด้วย โดยขอให้กลุ่มดังกล่าว ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 เพื่อให้มีข้อมูลในระบบ
“มาตรการที่ออกมาไม่ได้มองในเรื่องการกระตุ้นและการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว แต่เน้นไปที่เยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อน ให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ สามารถรักษาลูกจ้างไว้ได้ และจากมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมา จะเน้นไปที่การเสริมสภาพคล่อง สำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องรอให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติมากกว่านี้ ถึงจะมีเม็ดเงินออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ”
ส่วนปัจจัยหลักที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ คือ “วัคซีน” ซึ่งต้องเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนให้ได้มากที่สุด เนื่องจากหากยังฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุมและมีคนติดโควิด เมื่อเปิดให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ต้องกลับมาปิดอีกอยู่ตลอด