จิตตะเวลธ์ จ่อลดวงเงินซื้อกองทุนต่ำแสนดูดลูกค้า-ชู Ai ปั้นยีลด์ชนะตลาด

“บลจ.จิตตะเวลธ์” Wealth Tech รายแรกได้ไลเซนส์จาก ก.ล.ต. ชูกลยุทธ์ปั้นผลตอบแทนชนะตลาด 10 ปีย้อนหลัง ผ่าน AI กาง 3 โมเดลลงทุน “Global ETF-Thematic-Jitta Ranking” ตามระดับความเสี่ยง เริ่มลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท ฟาก “ซีอีโอ” แย้มจ่อปรับลดวงเงินซื้อขั้นต่ำขยายฐานลูกค้า เล็งศึกษาสร้าง “Algorithm” วิเคราะห์ Crypto คาดตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า บุกชิงเค้กเม็ดเงินลงทุน 6 ล้านล้านบาท พร้อมช่วยคนไทยลงทุนนอก

“จิตตะเวลธ์” โชว์ปั้นผลตอบแทนชนะตลาด 10 ปีย้อนหลัง ผ่าน “อัลกอริทึม” AI

วันที่ 29 กันยายน 2564 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะเวลธ์ จำกัด (Jitta Wealth) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2562 จิตตะเวลธ์ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะเวลธ์ จำกัด หรือ Wealth Tech รายแรกในไทย ต่อมาในปี 2563 ได้เปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั่วโลกแบบไม่มีข้อจำกัดผ่านแพลตฟอร์ม Jitta Wealth โดยหลักการลงทุนใช้เทคโนโลยี AI จัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์

-Global ETF (เสี่ยงต่ำ) การทำ Asset Allocation กระจายลงทุนทรัพย์สินทั่วโลก อาทิ ตลาดหุ้นสหรัฐ, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, พันธบัตร, หุ้นกู้ เป็นต้น วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท

-Thematic (เสี่ยงปานกลาง) ธีมการลงทุนสอดรับเมะกะเทรนด์โลก ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม โดยล่าสุดได้เปิดตัว Thematic Optimize ใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตของธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ จากหุ้นในธีมกว่า 2,500 หุ้น  และพิจารณาผลตอบแทนที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยง เพื่อคัดเลือก 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ณ เวลานั้น มาจัดพอร์ตในสัดส่วนเท่า ๆ กัน และคอยดูแลปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุก ๆ  3 เดือน ทั้งนี้ระบบได้พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง สามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี  (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 64) วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท

Advertisment

-Jitta Ranking (เสี่ยงสูง) ลงทุนในหุ้น แต่ใช้ AI วิเคราะห์ตัวหุ้นดีราคาถูก โดยเลือกจัดสรรหุ้นเข้ามาในพอร์ตฟอริโอ และทำการปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนบาท

 

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี’63 จนถึงปัจจุบันได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเข้ามาลงทุนกับทางบริษัทจำนวนมาก โดยในปี 2564 บริษัทได้มีการเปิดแพลตฟอร์ม Jitta Stock Analysis โดยวิเคราะห์ข้อมูลหุ้น 19 ตลาดหุ้นทั่วโลก และคาดว่าน่าจะเป็นเว็บไซต์หรือบริการที่รวบรวมการวิเคราะห์หุ้นใหญ่ที่สุดในโลก เพราะครอบคลุมการวิเคราะห์หุ้นกว่า 95% ของทั้งโลก หรือประมาณ 550 ล้านหน่วยข้อมูลต่อวัน โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลจากทั่วโลกกว่า 5 แสนราย และมีการเข้าดูข้อมูลมากกว่า 1.2 ล้านครั้งต่อเดือน จากผู้ใช้งาน 200 ประเทศทั่วโลก

Advertisment

“ผลตอบแทนในทุกประเทศผ่านอัลกอริทึมยีลด์ (Algorithm Yield) เราชนะผลตอบแทนดันชีตลาดหุ้นทั่วโลก โดยทำได้อยู่ที่ 14.51% ต่อปี ขณะนี้ดัชนีตลาดทำได้แค่ 4.51% ในช่วงภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปี 2011-2020 ดังนั้นถ้าลงทุนตาม Jitta Ranking จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากแน่นอน” นายตราวุทธิ์ กล่าว

บริหารกองทุนส่วนบุคคลมากสุดในไทย เติบโต 1,400% จุดเด่นค่าฟีต่ำ

นายตราวุทธิ์กล่าวต่อว่า ไฮไล๖ืของจิตตะเวลธ์ คือ การนำเอไอมาวิเคราะห์จัดการสัดสรรพอร์ตอย่างมีหลักการ ไม่มี Human bias โดยคิดค่าธรรมเนียมต่ำ 0.5% ต่อปี ซึ่งน่าจะเป็นบริษัทที่คิดค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด เทียบกับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่คิดค่าธรรมเนียม 1.5-2% ต่อปี โดยอัลกอริทึมยีลด์ (Algorithm Yield) สูงสุดในปีที่ผ่านมาคือ Jitta Ranking Vietnam ผลตอบแทนสูงถึง 102% ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีการบริหารกองทุนส่วนบุคคลมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 30,160 กองทุน มีการเติบโตของกองทุนส่วนบุคคลกว่า 1,400% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

 

ตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า ชิงเค้กเงินลงทุน 6 ล้านล้าน-ช่วยคนไทยลงทุนนอก

ปัจจุบันจิตตะเวลธ์ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่น โดยบริษัทในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นมาก แต่ถ้ามองในภาพใหญ่อยากจะช่วยนักลงทุนไทยให้มากกว่านี้ เพราะอุตสาหกรรมการบริหารจัดการกองทุน ที่ปัจจุบันมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 6 ล้านล้านบาท มีผู้ลงทุนอยู่ 7 ล้านบัญชีในไทย จึงคาดหมายว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วม (เพิ่มมาร์เก็ตแชร์) และช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ให้มากที่สุด และให้ความรู้กับนักลงทุนในการลงทุนต่างประเทศ ผ่านหลักการต่างๆ เพื่อคลายความกังวล เข้าใจเรื่องความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานบัญชีตรงนี้ได้มากขึ้น และให้อุตสาหกรรมมีความคึกคักขึ้น

 

จ่อปรับลดวงเงินซื้อกองทุนขั้นต่ำ ขยายฐานลูกค้า

นายตราวุทธิ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันจิตตะเวลธ์ต้องใช้เงินเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท แต่เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าที่มากขึ้น ซึ่งเป็น Vision ของบริษัทอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้น ในการให้ทุกคนสามารถได้รับการบริการ จัดสรรพอร์ตฟอริโอแบบดีๆ ให้มากที่สุด ซึ่งแต่เดิมกองทุนส่วนบุคคล เงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยช่วงจิตตะเวลธ์เปิดตัว ลดวงเงินลงทุนเริ่มต้นเหลือ 1 ล้านบาท และสุดท้ายเหลืออยู่ที่ 1 แสนบาท และในอนาคตแน่นอนจะสามารถลงวงเงินลงทุนซื้อขั้นต่ำลงมาได้อีกหลังจากมี Economy of Scale มากขึ้น และหารือร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

“การลงทุนวงเงินซื้อกองทุนขั้นต่ำจะไม่ได้อิงแค่ Jitta Wealth เพราะการบริหารจัดการกองทุนจะต้องมีผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Custodian หรือโบรกเกอร์ต่าง ๆ ที่ต้องให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ซึ่งปัจจุบันจิตตะเวลธ์พร้อมในหลายๆ อย่าง เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะมีข่าวดีออกมา เพื่อให้การลงทุนดีดีเข้าถึงทุกคนได้” นายตราวุทธิ์กล่าว

 

จ่อศึกษาสร้าง “อัลกอริทึม” วิเคราะห์ Crypto

นายตราวุทธิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หลังจากได้รับฟังฟีดแบ็กจากลูกค้าหรือนักลงทุนในตลาด โดยหลายท่านเริ่มมีฟีดแบ็กอยากลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างศึกษาใน 2 ทางเลือกคือ 1.รอทาง ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาอนุมัติ ETF ที่ลงทุนใน Crypto currency บริษัทก็สามารถนำ ETF Crypto มาเป็นส่วนหนึ่งของ Thematic ให้ลงทุนได้

2.บริษัทมีการสร้างอัลกอริทึมเพื่อไปวิเคราะห์ตัว Crypto และมาจัดเป็น Jitta Ranking Crypto โดยทำอย่างไรให้คำนวณคุณภาพและมูลค่าได้ดีที่สุด และสร้างพอร์ตให้นักลงทุนได้เลย แต่ทั้งนี้คงต้องมีคำเตือน เพราะการลงทุน Crypto ยังใหม่มาก มีความเสี่ยงสูง เพราะข้อมูลการวิเคราะห์ต่าง ๆ จะไม่เหมือนหุ้น หรือพันธบัตรต่าง ๆ ที่มี Historical Data ให้สามารถนำมาคำนวณได้ แต่  Crypto ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะ Unknown Factor ที่ไม่รู้ในอนาคตอีกมาก เช่น การเข้ามาควบคุมกำกับจากรัฐบาลต่าง ๆ