กรุงศรีเปิดขายกองทุน SSF/RMF ชูธีมหุ้นเด่นทั่วโลก เสนอขายถึง 11 ต.ค.นี้

บลจ.กรุงศรีเสนอขาย SSF/RMF ใหม่ 4 คู่ รวม 8 กองทุน เน้นจุดเด่นสร้างโอกาสเติบโตของพอร์ตควบคู่กับสิทธิลดหย่อนภาษี คัดสรรจากกองทุนฮิตอย่าง KFGG, KF-US, KFINFRA และ KFCLIMA เสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ต.ค. 64

วันที่ 8 ตุลาคม 2564 นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุน SSF/RMF ใหม่ 4 คู่ รวม 8 กองทุน ซึ่งคัดสรรมาจากกองทุนรวมที่เน้นธีมการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต และเป็นกองทุนฮิตของบลจ.กรุงศรี เช่น KFGG, KF-US, KFINFRA และ KFCLIMA เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศ และสร้างโอกาสให้พอร์ตเติบโตในระยะยาวไปพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี ได้แก่

คู่ที่ 1 กองทุน KFGGSSF และ KFGGRMF มีนโยบายลงทุนใน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund เน้นลงทุนเชิงรุกในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงจากกระแสการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยี กองทุนคัดหุ้นเด่นจากทั่วโลกโดยไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม และดัชนีชี้วัด เช่น ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพ และ e-commerce เป็นต้น ซึ่งหุ้นเติบโตสูงถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลกและมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน

สำหรับคู่ที่ 2 กองทุน KFUSSSF และ KFUSRMF มีนโยบายลงทุนใน Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund เน้นลงทุนเชิงรุกในหุ้นบริษัทของอเมริกาที่เป็นเมกะเทรนด์ใน 8 ธีมการลงทุนหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต เช่น กลุ่มสื่อออนไลน์ นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพ การจัดสรรเงินลงทุน การเงินยุคดิจิทัล การศึกษาสมัยใหม่ และ e-commerce เป็นต้น ทั้งนี้ กองทุน KFGG และ KF-US ในรูปแบบของ SSF/RMF มีการลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารโดย Baillie Gifford ซึ่งมีสไตล์การบริหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีผลงานที่โดดเด่น ใช้มุมมองการลงทุนระยะยาวและสร้างพอร์ตการลงทุนที่แตกต่างจากดัชนี โดยเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว ไม่เน้นการซื้อขายตามตลาด

ในส่วนคู่ที่ 3  จะเป็นกองทุน KFINFRASSF และ KFINFRARMF มีนโยบายลงทุนใน Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund ที่เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตแห่งอนาคต ผสมผสานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม และโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของยุคดิจิทัล เช่น กลุ่มโทรคมนาคม กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มพลังงาน และการเดินทางขนส่ง การลงทุนในหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุน เนื่องจากรูปแบบธุรกิจมีลักษณะผูกขาด มีสัมปทานระยะยาว ทำให้มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอค่อนข้างคาดการณ์ได้ นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวัฎจักรเศรษฐกิจในระดับต่ำอีกด้วย

นางสุภาพร ลีนะบรรจง

และคู่สุดท้าย คือ กองทุน KFCLIMASSF และ KFCLIMARMF มีนโยบายลงทุนใน DWS Invest ESG Climate Tech เน้นลงทุนในธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างการเติบโตเพื่อแก้ไขปัญหาหรือรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมเช่น Data Center พลังงานสะอาด การเกษตรยุคใหม่ และธุรกิจสุขภาพ ที่สำคัญคือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศหลักๆ ทั่วโลกที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนต้องปฏิบัติตามและมีการลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น โดยสหภาพยุโรปได้ตั้งเป้าหมายในการลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2593 ประเทศจีนตั้งเป้าลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2603 ด้านสหรัฐก็คาดว่าจะมีการประกาศนโยบายในการลดคาร์บอนเช่นกัน


“ทั้งนี้ SSF/RMF ทั้ง 4 คู่เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนระยะยาว เพราะธีมการลงทุนสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคใหม่ เน้นธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์ต่าง ๆ ของโลก นโยบายของภาครัฐ และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวควบคู่ไปกับสิทธิในการลดหย่อนภาษี” นางสุภาพรกล่าว