บลจ.พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุนเปิด “พรินซิเพิล เวียดนาม ไทย ออพพอร์ทูนิตี้” หรือ PRINCIPAL VTOPP ชูจุดเด่นลงทุนโดยตรงในหุ้นเวียดนาม และขยายโอกาสการลงทุนในบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนามที่ได้รับประโยชน์จาก FDI ไอพีโอ (IPO) 10–17 พ.ย.นี้
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่าเวียดนามถือเป็นประเทศที่น่าสนใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวจึงเป็นโอกาสการลงทุนภายใต้ธีมหลัก ได้แก่
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- เวียดนามมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการลงทุนโดยตรงและได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของบริษัทชั้นนำระดับโลก
- การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ส่งผลให้ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นและสนับสนุนการบริโภคในภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
- ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสถูกนำไปคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Markets ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ โอกาสการเติบโตของเวียดนามได้รับการสนับสนุนจาก 4 ปัจจัย ได้แก่
- GDP ที่จะเติบโตได้ดีในระยะข้างหน้า
- นโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
- การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ
- การเพิ่มขึ้นของประชาชนชั้นกลาง
โดยปัจจุบันเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ของโลกที่ได้รับประโยชน์จากสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และดึงดูดความสนใจจากบริษัทต่างชาติด้วยข้อตกลงสิทธิประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศที่มีอยู่มาก เช่น CPTPP และ RCEP เป็นต้น
รวมถึงมีแรงงานที่มีทักษะด้วยค่าแรงที่ต่ำกว่าอีกหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนส่งผลให้เวียดนามมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) ต่อ GDP ในอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และจีน เป็นต้น นอกจากนี้สัดส่วนภาคการผลิตต่อ GDP ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในอนาคต
ขณะที่รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเป็นลำดับแรกจากแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติของเวียดนาม (PDP) ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการผลิตพลังงานนับจากปี 2020–2025 มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 13.2% โดยเน้นไปที่การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก
ด้านอัตราการจ้างงานในภาคการผลิตและบริการก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก สนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของสังคมเมืองอย่างรวดเร็วและกลายเป็นประเทศที่มีชนชั้นกลางเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน มีสัดส่วนการบริโภคของภาคเอกชนต่อ GDP อยู่ที่ 68% สูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน (รองจากฟิลิปปินส์ที่สัดส่วน 73% ต่อ GDP)
จึงทำให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างรวดเร็วจากที่มีมูลค่าตลาดรวม 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2010 เป็น 3.3 ล้านล้านบาทปี 2020 และกำลังเปลี่ยนผ่านจากร้านค้าแบบดั้งเดิมสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ส่งผลให้เวียดนามมีโอกาสก้าวสู่เศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง (Upper Middle-Income)
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มี GDP เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชียที่น่าจับตามอง โดยมีบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมไฮเทคเข้าไปลงทุนหลายราย อาทิ LG, Panasonic, FOXCONN, Samsung Electronics, Hoya ฯลฯ และมีผู้ประกอบการไทยที่ขยายการลงทุนไปในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
นายศุภกรกล่าวต่อว่า จากปัจจัยดังกล่าวจึงเตรียมเปิดตัว “กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม ไทย ออพพอร์ทูนิตี้” หรือ Principal Vietnam Thai Opportunity Fund (PRINCIPAL VTOPP) ในวันที่ 10–17 พฤศจิกายน 2564 นี้ โดยกองทุน PRINCIPAL VTOPP มีนโยบายลงทุนโดยตรงในหุ้นเวียดนาม อีกทั้งขยายโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนามและได้รับประโยชน์จากการเติบโตไปกับเศรษฐกิจเวียดนาม
นอกจากหุ้นเวียดนามที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงปีที่ผ่านมา ยังมองเห็นโอกาสการลงทุนในบริษัทระดับโลก เอเชียและไทยที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนาม จะได้รับประโยชน์จาก FDI และสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบการค้าการลงทุนหลาย ๆ ด้านจากภาครัฐ ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ต่ำ และการขยายกิจการให้เติบโต
โดยบริษัทเหล่านี้ได้เริ่มเข้าไปลงทุนและขยายธุรกิจการดำเนินงานมากว่า 10 ปี และเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Samsung Electronics หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีฐานการผลิตหลักด้านอุปกรณ์และโทรศัพท์มือถืออยู่ในเวียดนาม โดยเตรียมกลับมาผลิตอย่างเต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายน 2564 และเตรียมที่จะผลิตชิปให้กับเทสล่า, Hoya บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกที่มีกำลังการผลิตสินค้าในเวียดนามคิดเป็นสัดส่วน 17% ของกำลังการผลิตทั้งหมด
ในขณะที่ยังมีบริษัทสัญชาติไทยที่ขยายการลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เช่น เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่ลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร, บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ที่มีสัดส่วนรายได้จากเวียดนามคิดเป็น 12% ของยอดขายในปีที่ผ่านมา, บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ที่กำลังดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 2 ในเวียดนาม เป็นต้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL VTOPP สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร.0-2686-9595 หรือ www.principal.th หรือ Principal TH Mobile App