บล.โกลเบล็ก จัดทัพหุ้นเด่นเดือน พ.ย. เชียร์ธีม “เปิดเมือง – ปลดล็อก LTV” 

ลงทุนหุ้น

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือนพ.ย.ยังผันผวน แม้จะได้แรงหนุนจากการเข้าเก็งกำไรหุ้นธีมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 หนุนภาพรวมเศรษฐกิจฟื้น ชี้ยังต้องจับตาสถานการณ์ความเชื่อมั่น-เศรษฐกิจในประเทศ-ต่างประเทศในช่วงปลายปี  จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีที่ 1,570-1,650 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นธีม”เปิดเมือง – ปลดล็อก LTV ” ด้านทองคำประเมินกรอบ 1,770-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แนะหาจังหวะยาวเมื่อดัชนีปรับตัวลงใกล้แนวรับ 

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายน ว่า ดัชนีแกว่งตัวผันผวน โดยมีรับแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม Reopening จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 64 และมีผลดีต่อเนื่องไปยังปี 65

โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รายงานผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือน ต.ค.64 ว่า ธุรกิจโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อนแต่เห็นสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อยในภาคการผลิตและการค้าจากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดได้ดีขึ้น และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมฯทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐช่วยให้ความเชื่อมั่นและการบริโภคปรับดีขึ้น ประกอบกับการเก็งกำไรการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงต้นเดือนนี้ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,650 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในเดือนนี้ ได้แก่

  1. การแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของกระทรวงพาณิชย์
  2. สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดทสถานการณ์ลงทุน
  3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแถลงข้อมูลสรุปภาวการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์
  4. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 7/2564
  5. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
  6. สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/64
  7. ประชุมคณะรัฐมนตรี.สัญจร จ.กระบี่ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
  8. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่น
  9. ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
  10. ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ และการส่งสัญญาณด้านโยบายการเงินของเฟด  และสถานการณ์ราคาน้ำมัน ซึ่งกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันนี้

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV และ BA รองลงมาหุ้นกลุ่มขนส่ง อาทิ BEM และ BTS หุ้นกลุ่มห้าง สรรพสินค้า อาทิ CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร อาทิ AU, M และ ZEN  หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO

รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV โดยเน้นลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ซื้อขายที่ระดับ P/E ต่ำได้แก่ LH, QH, AP, SPALI, SIRI, ORI, LALIN, PSH และ LPN

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือน พ.ย. นี้ ว่า ยังได้รับแรงกดดันจากเฟดที่ยังคงเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินตามแผนที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้าว่าจะเริ่มลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะสิ้นสุดการลดวงเงิน QE ภายในกลางปี 65 ซึ่งแปลว่าเฟดอาจทยอยลดวงเงิน QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยแบ่งเป็นการลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 8.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และการลดการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน เดือนละ 0.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน

ส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือนในปัจจุบันหมดลงในช่วงกลางปีหน้าตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้ ทำให้ราคาทองคำอาจย่อตัวลงระยะสั้น แต่เนื่องจากตลาดรับข่าวการดึงสภาพคล่องดังกล่าวไปบ้างแล้วทำให้ตลาดคลายความกังวลและอาจจะค่อยๆรีบราวน์กลับ

นอกจากนี้มองว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปียังต้องจับตาตัวเลขภาคแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งคาดการณ์ว่าภาคแรงงานอาจจะมีการจ้างานเพิ่มขึ้นไม่มากแต่อัตราการว่างงานกลับลดลง เป็นผลมาจากหลายเดือนก่อนหน้าที่ยอดจ้างงานเร่งตัวขึ้นสูง จนทำให้ปัจจุบันอัตราว่างงานเหลือราวๆ 5 ล้านตำแหน่งหรือ 3.3%

ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐยังมีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้นเนื่องจากหลายประเทศในตะวันตกอย่างอเมริกาและยุโรปเองกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวจะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจปัจจัยหนึ่งทีหนุนให้เงินเฟ้อเร่งตัวได้ สอดคล้องกับยอดผู้ติดเชื้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูดังกล่าวและจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ 1,770-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยแนะนำให้หาจังหวะยาว (long) เมื่อดัชนีปรับตัวลงใกล้แนวรับ