อลิอันซ์ อยุธยา กำไร 9 เดือน 1,162 ล้าน เพิ่มขึ้น 152% รายได้ลงทุนพุ่ง

อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล โชว์กำไร 9 เดือนแรกปี’64 อยู่ที่ 1,162 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 152% รับรายได้ลงทุน-ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมเติบโตเด่น ฟาก “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต” กวาดเบี้ยรับรวมแตะ 2.2 หมื่นล้าน เติบโต 7% ด้านบริษัทแม่ “กลุ่มอลิอันซ์” โกยกำไรทุกประเทศรวม 3.94 แสนล้านบาท

นายโทมัส วิลสัน
นายโทมัส วิลสัน

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายโทมัส วิลสัน กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AYUD เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 64) บริษัทมีกำไร 1,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เฉพาะงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.35%

มีรายได้รวม 4,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.06% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนสุทธิ 1,491 ล้านบาท ลดลง 22.74% และเบี้ยประกันภัยรับงวด 9 เดือน อยู่ที่ 4,159 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 3.70% โดยสาเหตุมาจากผลกระทบที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด ต่อการขายประกันเและเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ อยู่ที่ 2,926 ล้านบาท ลดลง 5.39% และเบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้สุทธิ อยู่ที่ 2,931 ล้านบาท ลดลง 7.30%

โดยรายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 12.90% ในขณะที่ผลขาดทุนสุทธิจากสินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้อย มูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนลดลง 82.87% เป็นผลจากการปรับโครงสร้างพอร์ตการลงทุนในปีที่แล้ว โดยการถือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยลง แต่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจยิ่งขึ้น

ด้านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 39.55% เนื่องจากกำไรสุทธิของบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และรายได้อื่นซึ่งส่วนใหญ่คือรายได้ค่าธรรมเนียมจากการรับประกันสินเชื่อการค้าลดลง 43.02% ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด

 

โกยเบี้ยรับรวม 2.2 หมื่นล้าน โต 7%

นายโทมัส วิลสัน ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ AZAY กล่าวต่อว่า งวดไตรมาส 3/64 ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 22,801 ล้านบาท เติบโต 2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันรับปีแรกเติบโต 7% อยู่ที่ 4,417 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 1,633 ล้านบาท เติบโต 6% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 1,506 ล้านบาท เติบโต 50% ในขณะที่ช่องทางขายตรง ลดลง 18% อยู่ที่ 1,107 ล้านบาท

“ผลงานทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้า ประกอบกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่ยึดมั่นในข้อตกลงตามสัญญาที่ได้ให้แก่ลูกค้าทุกราย และพร้อมที่จะปฏิบัติติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยไปจนครบกำหนดสัญญา”  นายโทมัส วิลสัน กล่าว

นอกจากนั้น ด้านการให้ความคุ้มครองคนไทยในสถานการณ์โควิด บริษัทมีการจ่ายเคลมตามกรมธรรม์ประกันสุขภาพตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันไปแล้วกว่า 15,000 เคส เป็นเงินรวมกว่า 820 ล้านบาท โดยประมาณ 13,800 เคส เป็นค่ารักษาพยาบาลการเจ็บป่วยจากโควิด-19 และประมาณ 940 เคส เป็นการชดเชยจากการแพ้วัคซีน และประมาณ 280 เคส มาจากการเสียชีวิต

“แม้จะต้องพบกับสถานการณ์ที่ผันผวนจากวิกฤตโควิด-19 ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จนถึงปีหน้า บริษัทยังคงมองอนาคตในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเปิดประเทศได้เริ่มขึ้นแล้ว หวังจะได้เห็นคนไทยได้มีความสุขกับสถานการณ์ที่ดีขึ้น หากแต่เราทุกคนยังคงต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน การสวมหน้ากากในที่สาธารณะ การรักษาระยะห่างระหว่างกัน และการล้างมืออย่างสม่ำเสมอยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยอลิอันซ์ อยุธยาจะมุ่งทำตามพันธสัญญาของเราในการให้ความคุ้มครองคนไทยในทุกเงื่อนไขชีวิต” นายโทมัส วิลสัน กล่าว

นายโอลิเวอร์ เบเทอร์
นายโอลิเวอร์ เบเทอร์

กลุ่มอลิอันซ์ Q3 กำไร 3.94 แสนล้าน

ขณะที่ผลประกอบการกลุ่มอลิอันซ์ (Allianz Group) นายโอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ ในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/64 เป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดเงิน

ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ทำผลกำไรไปแล้วถึง 9.9 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 3.94 แสนล้านบาท) คิดเป็น 82% ของผลกำไรที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านยูโร (หรือประมาณ 4.77 แสนล้านบาท) สำหรับปีนี้

ซึ่งเป็นผลจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ (กลุ่มบริหารสินทรัพย์ กลุ่มประกันชีวิต และกลุ่มสุขภาพ) ทำผลงานในไตรมาส 3 ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีอื่น ๆ โดยกลุ่มประกันทรัพย์สินและวินาศภัยยังคงมีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ร้ายแรง

การเติบโตของรายได้ภายในหลังจากการปรับค่าสกุลเงินต่างประเทศและผลจากการจัดทำงบการเงินรวมเท่ากับ 9.0% ในไตรมาส 3/64 โดยเป็นผลจากธุรกิจทุกกลุ่ม รายได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 9.5% เป็น 3.44 หมื่นล้านยูโร (หรือประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท)

กำไรจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 11.3% เป็น 3.2 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 1.27 แสนล้านบาท) จากกลุ่มบริหารสินทรัพย์และกลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพ ในกลุ่มบริหารสินทรัพย์ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้จากการบริหารและสัดส่วนของต้นทุน-รายได้ที่ดีขึ้น

กลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากอัตราส่วนผลกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและวินาศภัย ผลกำไรจากการดำเนินงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในภาพรวม เนื่องจากผลของการพิจารณาในการรับประกันภัยที่ดีขึ้นได้รับผลกระทบจากผลของการลงทุนที่ลดลง

การแบ่งรายได้สุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 2.1 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 8.35 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาส 3/64 การเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรจากการดำเนินการได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการลดลงของผลจากการลงทุนอื่น ๆ

“นี่เป็นไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา ผมคิดว่านี่เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความสามารถของเราในการให้บริการทั้งลูกค้าและนักลงทุน” มร.โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์กล่าว

อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 : 1 ยูโร = 39.75 บาท