Artprice วิเคราะห์ อนาคตของ NFTs และเมตาเวิร์ส

Artprice วิเคราะห์ อนาคตของ NFTs และเมตาเวิร์ส
FILE PHOTO : artprice-nft.com

Artmarket ผู้นำในตลาดงานศิลปะระดับโลก : Artprice Manifesto อนาคตของ NFTs และเมตาเวิร์ส

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 Artprice โดย Artmarket ผู้นำด้านข้อมูลในตลาดงานศิลปะระดับโลก รายงานว่า ตามการสำรวจของ Harris ชาวอเมริกันที่บรรลุนิติภาวะ 11% ซื้อ NFT แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ตัวเลขนี้น่าทึ่งก็คือว่าพวกเขาไม่เคยซื้องานศิลปะมาก่อน ซึ่งบ่งบอกว่า ยังมีผู้ซื้อหน้าใหม่อีกจำนวนมากที่จะเป็นแหล่งรายได้อย่างเลี่ยงไม่ได้…และนั่นยังพูดถึงแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

นักวิเคราะห์ทางการเงินที่ Jefferies ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่มีชื่อเสียงในอเมริกา คาดว่าตลาด NFT จะมีมูลค่าเป็นสองเท่าในปี 2565 และเชื่อว่ามีแนวโน้มสูงที่ตลาดอาจจะมีมูลค่าอย่างน้อย 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568

แล้วเป็นเรื่องสำคัญว่า ตลาดงานศิลปะรองที่ไม่ใช่ดิจิทัลมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ดังนั้น เรากำลังสำรวจแรงผลักดันการเติบโตใหม่ขนาดใหญ่ และภาพรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในมิติและโครงสร้างของตลาดงานศิลป์ทั่วโลก (Jefferies คือโบรกเกอร์ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งในตลาดการเงินระดับโลก และเป็นหนึ่งในบริษัท Fortune 1000 ในสหรัฐอเมริกา)

ขณะเดียวกัน Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase (มูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 73,000 ล้านดอลลาร์) เก็งไว้ว่า ยอดขายของ NFT อาจใกล้เคียงการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยในการประชุมรายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัทผ่านระบบทางไกล เขากล่าวว่าอนาคตของบริษัทอาจขึ้นอยู่กับตลาด NFT ในอีกไม่ช้า

“เราตื่นเต้นเกี่ยวกับ NFT มาก ๆ NFT จะกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับคริปโทเคอร์เรนซีในภายภาคหน้า ซึ่งก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน มันอาจจะใหญ่เท่ากับธุรกิจคริปโทฯของบริษัทด้วยซ้ำ หรือไม่ก็ใหญ่กว่า” เขาระบุ

Caty Tedman หัวหน้าความเป็นพันธมิตรที่ Dapper Labs และหัวหน้าโครงการงานสะสมดิจิทัล Top Shot ของ NBA บอกกับ CNBC ว่า “NFT จะอยู่ต่อไปแน่นอน”

ตามการรายงานของ Reuters ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เรื่อง ‘ในตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดที่ชื่อว่า OpenSea มียอดขายมูลค่า 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ เป็นยอดที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนตุลาคม 2564’

การประเมินเหล่านี้และความคิดเห็นทั้งหมดบ่งบอกว่า ตลาด NFT เปลี่ยนจากตลาดเฉพาะกลุ่มมาเป็นตลาดมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐในไม่กี่เดือน

ดังนั้น Artmarket.com จึงวางแผนที่จะใช้สถานะที่สำคัญในตลาดงานศิลปะนี้ เพื่อเป็นบริษัทชั้นนำในด้านงานศิลป์ของจักรวาล NFT/เมตาเวิร์ส ซึ่งกำลังเติบโตรวดเร็วปานไฟลามทุ่ง แต่ยังอีกห่างไกลกว่าจะถึงจุดสูงสุด เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า วงการนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในปัจจุบัน และ Artprice by Artmarket จะกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นอ้างอิงในอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มเดินหน้าไปสู่การเติบโตแบบทวีคูณ

ตัวเลือกของ Artprice by Artmarket ในบล็อกเชน

Artprice by Artmarket จะทำงานด้วยแพลตฟอร์ม Ethereum และคริปโทเนทีฟ Ether (ETH) ซึ่งเป็นคริปโทฯที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกตามมูลค่าตลาด และเหนือสิ่งอื่นใด เป็นคริปโทฯที่เป็นที่นิยมในวงการศิลปะดิจิทัล NFT ผู้ขายงานศิลปะรายใหญ่ของโลกทุกรายเลือก Ethereum รวมทั้ง Sotheby’s, Christie’s, Bonhams และ Phillips

ด้วยหลายเหตุผล โดยหนึ่งในนั้นก็คือข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมของ Artmarket Ethereum ใน Artmarket จะทำงานในโหมด staking (proof-of-stake) วิธีนี้จะช่วยไม่ให้เกิดทั้งการใช้พลังงานขุดเหมืองโดยขาดความระมัดระวัง และการลงทุนในฮาร์ดแวร์จำนวนมาก

ขณะที่บทความจาก thierry Ehrmann ระบุว่า “กิจกรรมการขุดเหมืองข้อมูลขาดค่านิยมทางจริยธรรมอย่างยิ่ง ได้เปลี่ยนให้นักขุดเหมืองกลายเป็นกรรมกรดิจิทัลชั้นต่ำ”

การ Staking ช่วยให้ Ethers อยู่กับสมาร์ทคอนแทร็กต์ของ Artprice ในความเป็นจริง ทำให้มูลค่าเพิ่มหลักของ Artprice อยู่ในใบรับรองของแท้จากศิลปินและชิ้นงานของศิลปินจากฐานข้อมูลอ้างอิง Artprice มีชุมชนแบบเปิดที่มีศิลปินกว่า 765,000 ราย และมีสมาชิกที่มีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องถึง 5.4 ล้านคน

อันประกอบด้วยนักสะสมและผู้ชื่นชอบงานศิลปะถึง 4.5 ล้านคน และมืออาชีพด้านงานศิลปะถึง 900,000 ราย (บริษัทประมูล, นักประเมินราคาทรัพย์สิน, สถาบัน, ผู้ซื้อขายงานศิลปะ, สำนักงานครอบครัง และธนาคารส่วนบุคคล เป็นต้น)

ชุมชนเมตาเวิร์สของ Artprice จะผสานรวมระบบนิเวศทางเศรษฐศาสตร์และศีลธรรมในเมตาเวิร์สอย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้มีการเติบโตที่สอดคล้องกับกฎชื่อดังของ Metcalfe เกี่ยวกับการขยายเครือข่าย

พร้อมกันนั้น Artprice จะจัดสรร ‘กระเป๋าเงิน’ ให้กับชุมชน และการพัฒนาของ ‘staking’ มีแนวโน้มที่จะลดอุปสรรคของระบบนิเวศคริปโทเคอร์เรนซี

โดยหลังจากการแลกเปลี่ยนแพลตฟอร์มและตลาด NFT หลายครั้ง Artmarket.com รักษาสัญญาที่ดีที่สุดกับผู้ดำเนินงาน NFT รายใหญ่สองเจ้า ได้แก่ Opensea และ Rarible

Artprice by Artmarket ตัดสินใจที่จะสร้างเมตาเวิร์สด้วย Ethereum 2.0 และเปลี่ยนไปใช้ proof-of-stake (POS) นักพัฒนาของแพลตฟอร์ม Ethereum ต้องการเปลี่ยนไปใช้ระบบความเห็นพ้องมาตลอด โดยการย้ายไปใช้กลไก proof-of-stake ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

Artprice by Artmarket เอาใจใส่ในผลกระทบต่อระบบนิเวศจากกิจกรรมของตนอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึงผลกระทบจากการใช้พลังงานในการขุดเหมืองเงินคริปโทฯจากระบบ proof-of-work การตัดสินใจนี้จึงนับว่ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับการใช้ proof-of-stake นักขุดเหมืองจะถูกแทนที่ด้วยผู้เล่นที่เรียกว่า validation nodes หรือหน่วยตรวจสอบ ในกลไกนี้ ผู้เล่นจะต้องฝากเงิน หรือวางเงิน 32 ETH เพื่อให้สามารถตรวจสอบและเพิ่มธุรกรรมลงในบล็อกเชนได้

Artprice รู้สึกได้รับแรงจูงใจอย่างยิ่งจากงานเขียนของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้งร่วมของเครือข่าย Ethereum ซึ่งกล่าวชื่นชมในหลักการของกลไกความเห็นพ้อง proof-of-stake มาตั้งแต่ปี 2559 การพลิกโฉมของ Etherium ไปสู่เวอร์ชั่น 2.0 ยืนยันได้ว่าโครงการของเขาจะออกดอกออกผล

วิสัยทัศน์เชิงปรัชญาและการเมืองของ Vitalik Buterin สอดคล้องกับค่านิยมที่ thierry Ehrmann แสดงออกผ่าน Artprice และ Groupe Serveur มาตั้งแต่ปี 2530 โดยเขาเองนับเป็นผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ต (อ้างอิงนิตยสาร Time)

ชุมชนไอทีของ Artprice, สมาชิก และผู้ที่หลงใหลในคริปโตเคอร์เรนซี่ทั่วโลก ยินดีกับข่าวของการเปลี่ยนแปลงเป็น Ethereum 2.0 (ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Serenity”) ในต้นปี 2565 ผ่านการอัปเกรดของแพลตฟอร์ม proof-of-stake

thierry Ehrmann – ซีอีโอของ Artmarket.com ผู้ก่อตั้ง Artprice และซีอีโอของกลุ่มบริษัท Server ผู้ซึ่งเป็น “ผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ต” มาตั้งแต่ปี 2530 และผู้ถือหุ้นอ้างอิงของ Artprice –

“ในแง่ทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่ใกล้เคียงผลกระทบของ NFT ที่สุดในโลกของงานศิลปะคือ การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ที่ปัจจุบันเราเรียกว่า ‘ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา หรือเรเนซองส์’ นับตั้งแต่ยุคนั้น ถึงจะมีการถ่ายโอนอำนาจมาอยู่ในมือของศิลปิน เนื่องจากแท่นพิมพ์ของ Johannes Gutenberg นี้เองที่ช่วยให้ศิลปินสามารถตีพิมพ์ผลงานของตัวเองได้

ยุคเรเนซองส์ช่วยให้ศิลปินสร้างรายได้และควบคุมการผลิตได้โดยอิสระในโรงงานและห้องทำงาน ทุกวันนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ที่คล้ายกันด้วยการมาถึงของ NFT”

คำแถลงอุดมการณ์เมตาเวิร์สของ Artprice

เมตาเวิร์สของ Artprice ช่วยให้ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระเสรี โดยได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ 25 ปีในด้านเศรษฐกิจของการสร้างผลงานศิลป์ เพื่อเป็นอิสระภายใน ‘FabLabs’ ศิลปินต้องก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และสิ่งกีดขวางทางเทคโนโลยี

เมตาเวิร์สไม่ใช่โลก 2 มิติหรือ 3 มิติ แต่เป็นการลดทอนการเป็นวัตถุ (dematerialization) ของโลกกายภาพไปสู่จักรวาลใหม่ ที่ประสบการณ์ที่เคยเป็นไปไม่ได้จะเป็นไปได้

ในระหว่างยุคเรืองปัญญาของศตวรรษที่ 21 วงการศิลปะจะเปลี่ยนรูปแบบไปสู่การสร้างสรรค์งานเสมือน และเศรษฐกิจเสมือน (แต่สมจริงมาก) ช่วยให้เกิดพื้นที่ไร้ขอบเขตอย่างแท้จริงที่ศิลปะจะได้แสดงออกตัวตนของตัวเอง

แม้แต่ในโลกเสมือนของเมตาเวิร์ส ความเป็นเอกภาพจะคงอยู่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่มีค่าที่สุด

เมตาเวิร์สของ Artprice by Artmarket จะเป็นพื้นที่ที่ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ภายในชุมชนศิลปิน ซึ่งนักสะสมและศิลปินจะสร้างเรื่องราวใหม่ไปด้วยกัน เมตาเวิร์สจะเป็นรากฐานสำหรับสังคมที่ ‘สมจริง’ ที่สร้างการปฏิสัมพันธ์ที่ศิลปินมองหา ดังนั้นจึงผลักดันตลาดงานศิลปะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในเมตาเวิร์ส

ด้วยการกระตุ้นการพูดคุยเกี่ยวกับระบบนิเวศแบบ “ดันและดึง” ที่กว้างใหญ่ ซึ่งผู้เล่นทุกคนของตลาดงานศิลปะ รวมถึงศิลปินและนักสะสม จะได้แชร์ ‘เนื้อหาชุมชน’ กัน ศิลปินจะเป็นศูนย์กลางของเมตาเวิร์ส ‘FabLab’ ของศิลปินจะเปิดแบบเรียลไทม์ให้กับชุมชนผ่านเมตาเวิร์ส

ประสบการณ์ภายใน Artprice Metaverse จะเพิ่มความดื่มด่ำมากขึ้น โดยศิลปินมีสิทธิเข้าถึงเทคโนโลยีที่จำเป็นทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและในราคาประหยัด เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มีจริยธรรม

Artprice Metaverse จะสนับสนุนการจัดงานตลาดศิลปะ เช่น การจัดแสดงและออกร้านงานศิลปะ ซึ่งงานในรูปแบบปัจจุบัน มีผลกระทบทางคาร์บอนที่แย่มาก ดังนั้น งานกิจกรรมเหล่านี้จะเกิดใหม่ในเมตาเวิร์ส โดยจะมีการนำเสนอกับชุมชนศิลปิน เจ้าของแกลเลอรี่ นักสะสม และผู้สนใจอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย

ปัจจุบันมีองค์กรห้องปลอดเชื้อและระบบคลาวด์ข้อมูลของ Artprice ทั่วทวีปต่าง ๆ เป็นเรื่องของการประมวลผลพื้นที่ ที่ช่วยให้เกิดการประมวลผลแบบผสมผสาน (กล่าวคือ งานของจริง/งานเสมือน) ซึ่งรับรองความเชื่อมโยงระหว่างโลกกายภาพและเมตาเวิร์ส

สำนักงานใหญ่ของ Metaverse of Artprice ตั้งอยู่ลึกเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์งานศิลปะร่วมสมัย Organe ซึ่งจัดงาน Abode of Chaos เพื่อสร้างเมตาเวิร์สของสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกภาพและ Total Artwork โดย thierry Ehrmann

ผู้เชี่ยวชาญของ TT Géomètres จากยุโรป และ 3D Lab จึงจัดงานแสดงผลงานศิลปะ 6,300 ชิ้นเป็นงานดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ผนวกรวมเข้ากับในอาคาร นอกอาคาร และผนังรอบด้านคิดเป็นพื้นที่กว่า 7,555 ตร.ม. ดังนั้นสร้างมรดกดิจิทัลขนาด 1.2 เทราไบต์ ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2564

Artprice Metaverse ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาในปัจจุบัน กำลังได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้คนลืมเรื่องไอทีแข็งๆ ที่เป็นอุปสรรที่แท้จริงต่อการสร้างสรรค์

ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Artprice by Artmarket ทำงานมา 5 ปีบนอินเตอร์เฟซแบบไม่รุกล้ำ เพื่อให้ผู้คนเข้าสู่โลกความจริงเสมือนและความจริงเสริมได้

ชัดเจนว่าเครือข่ายสัญญาณมือถือ 5G ซึ่งมีสเปกตรัมความถี่เล็กมาก ช่วยเปิดประตูสู่เมตาเวิร์สและการเชื่อมต่อกับ ‘อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง’

ในโลกแห่งความเป็นจริง เรามีจักรวาลประกอบด้วยแกแล็กซี่นับล้าน แต่ในโลกเสมือน ซึ่งเป็นอินเทอร์เน็ตรุ่นถัดไป เราจะมีจักรวาลมากมายซึ่งประกอบขึ้นจากเมตาเวิร์สนับล้าน

อย่างไรก็ดี เมตาเวิร์สที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ศิลปะที่สุด จะเป็นจักรวาลที่เกี่ยวข้องกับศิลปินและชุมชนงานศิลปะที่สุดกล่าวคือ Artprice Metaverse

คำแถลงอุดมการณ์ Artprice Metaverse จึงถือเป็นคำเชิญเข้าสู่ยุคเรืองปัญญาใหม่ก็ว่าได้