“อาคม” เผยมี พ.ร.ก.กู้เงิน 2.5 แสนล้านบาท รับมือ “โอไมครอน”

รมว.คลัง เผย นายกฯสั่งตรวจนักท่องเที่ยวเข้ม ป้องกัน “โอไมครอน” ชี้หากเกิดการแพร่ระบาดมีเม็ดเงิน พ.ร.ก.กู้เงินฉบับเพิ่มเติม วงเงิน 2.5 แสนล้านบาทรับมือ ด้านแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี’65 มีงบฯลงทุนจากรัฐลงเศรษฐกิจ 3.1 ล้านล้านบาท คาดจีดีพีปีหน้าโต 4%

วันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาที่ชัดเจนถึงความรุนแรงของสายพันธุ์ดังกล่าว แต่เบื้องต้นคือสามารถแพร่กระจายได้เร็ว

โอไมครอนลามแล้ว 23 ประเทศ WHO เตือน หยุดเดลตาให้ได้ก่อน
ประยุทธ์สั่งปูพรมค้นหานักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยง สกัดโอไมครอน

ดังนั้นด่านแรกคือป้องกันการติดเชื้อ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับและให้แนวทางป้องกันผ่านมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น การตรวจนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยจากใช้ ATK เป็น RT-PCR

ส่วนมาตรการดูแลในด้านอื่นๆ นั้น ขณะนี้รัฐบาลก็พยายามสร้างสมดุลทั้งการป้องกันการแพร่ระบาดและมาตรการด้านเศรษฐกิจควบคู่กัน ซึ่งจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศก็ถือว่าดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดี หากกรณีมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ก็มีงบประมาณในการดูแลบรรเทาผลกระทบ โดยยังมีเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินฉบับเพิ่มเติม เหลืออีก 2.5 แสนล้าน ซึ่งสามารถโยกเงินใน พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ ใช้แก้ปัญหาได้ในกรณีมีความจำเป็นด้านอื่น ๆ

“การระบาดของโอไมครอน ยังต้องรอประเมินความรุนแรงของเชื้อจากทางสาธารณสุข แต่เบื้องต้นคือเชื้อมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ประมาทและได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทย

โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงแล้ว ซึ่งภายใต้ความเสี่ยงนี้จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังต้องรอดูก่อน” นายอาคมกล่าว

สำหรับแรงขับเคลื่อนภายใต้การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่นั้น ในปี 2565 ยังมีเม็ดเงินจากงบประมาณของภาครัฐอีก 3.1 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบฯลงทุนของหน่วยงานรัฐ 6 แสนล้านบาท งบฯลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาท

ซึ่งงบฯลงทุนทั้ง 2 ส่วนนี้ได้เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายให้ได้ตามแผน ก็จะมีเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแน่นอน ขณะเดียวกันยังมีงบจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ที่ยังเหลืออยู่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งก็จะทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2564 เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 1% และในปี 2565 จะขยายตัวได้ 4% โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม ตัวเลขการติดเชื้อน้อยลง และการส่งออกขยายตัวดีได้ต่อเนื่อง โดยนโยบายของรัฐจะมุ่งสร้างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้กลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งจะมีการปรับโครงสร้างส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน