ธอส.เล็งลดดอกเบี้ย-ลดเงินงวดผ่อนชำระสูงสุด 75% ช่วยลูกค้าอีก 6 เดือน

ธอส.

ธอส.เตรียมออกมาตรการช่วยลูกหนี้ตามนโยบาย ธปท. “เล็งลดดอกเบี้ยลดเงินงวดผ่อนชำระสูงสุด 75% ช่วยลูกค้าอีก 6 เดือนปลื้ม! ปล่อยสินเชื่อใหม่ทะลุเป้า 2.4 แสนล้านบาท ด้าน NPL อยู่ที่ 4.29%

วันที่ 23 ธันวาคม 2564 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่จะครบกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านรายได้จากโควิดในสิ้นปีนี้ ออกไปอีก 6 เดือน หรือจนถึงเดือนมิ..64 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการให้แบงก์รัฐช่วยดูแลเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาผ่อนชำระได้อีกครั้ง

โดยในส่วนของ ธอส.มีลูกหนี้เข้ามาตรการความช่วยเหลือในปัจจุบันอยู่ 1.13 แสนล้านบาท ซึ่งแนวทางจะเข้าไปช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ให้ เช่น การช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมลงมาอีก 0.25-0.50% พร้อมกับลดเงินงวดผ่อนชำระเหลือสัดส่วน 25% 50% หรือ 75% ของวงเงินที่ผ่อนชำระเดิม

ในสิ้นปีนี้จะสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้จากโควิดแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการ 1.13 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่สามารถผ่อนชำระได้ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 6 หมื่นล้านบาท อยู่ในโครงการพักชำระหนี้ถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปีนี้ลูกหนี้ทุกรายมีหน้าที่จะต้องกลับมาผ่อนชำระอีกครั้ง แต่เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกหนี้มากเกินไป ธนาคารพร้อมจะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ให้เพื่อให้กลับมาผ่อนระยะยาว

นายฉัตรชัยคาดว่า ธอส.จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ประมาณ 240,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 215,641 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการที่ ธปท.ผ่อนคลายมารตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) สำหรับบ้านหลังที่ 2 ทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและคิดว่าจะซื้อบ้านในช่วงปีหน้าเร่งตัดสินใจมาซื้อในปีนี้แทน

ขณะที่หนี้เสียนั้น เชื่อว่าจะไม่สูงมากจนมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 4.29% เท่านั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2563 เล็กน้อย ส่วนปีหน้าตั้งเป้าปล่อยกู้ได้อีก 3% จากเป้าหมายของปีนี้ โดยปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อบ้านสูงสุดในระบบอยู่ที่ 31.4% ขณะที่หนี้เสียจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาของธนาคาร เพราะมีการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 179% ซึ่งเพียงพอรองรับหนี้เสียในอนาคตได้สูงสุดถึง 30,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายฉัตรชัยยังมองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในภาพรวมปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางของโลก โดยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายประมาณ ไตรมาส 2-3 ประมาณ 0.25% เท่านั้น ซึ่งธนาคารอาจจะขยับขึ้นตามไปด้วย แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารยังถือว่าดีที่สุดในระบบขณะนี้