SET แกว่งในกรอบ 1,600-1,670 จุด ถึงสิ้นปี แต่ยังมีหุ้นน่าสนใจ

ตลาดหุ้นไทย-SET Index
เติมความคิด พิชิตการลงทุน
เอกภาวิน สุนทราภิชาติ
บล.ไทยพาณิชย์

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน SET Index ฟื้นตัวกลับมา หลังปรับลงหลุดต่ำกว่า 1,600 จุด ในช่วงสั้น โดยการฟื้นตัวมีปัจจัยหนุนนำจากตลาดที่คลายกังวลเรื่องผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Omicron มีอาการไม่รุนแรง

ทำให้มีแนวโน้มไม่ต้องกลับมาเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด และราคาน้ำมันยังปรับขึ้นจากคลายความกังวลอุปสงค์ชะลอตัว

รวมทั้งยังมีปัจจัยบวกในประเทศจากประเด็นที่คาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรับปีใหม่และมาตรการภาษีส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในเดือนนี้ จึงหนุนให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้น reopening และหุ้นพลังงาน นำโดย EA, KBANK, PTT

ด้านแนวโน้ม SET จนถึงสิ้นปีนี้ คาดแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,600-1,670 จุด โดยมองตลาดจะกลับมาจับตาความเสี่ยงเรื่องนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นโดยที่เฟดเร่งทำ QE Tapering และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น

และเกาะติดการแพร่ระบาดที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของ Omicron ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นครั้งแรกแล้ว ในขณะที่กลุ่มประเทศฝั่งยุโรปก็มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น สร้างผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ในประเทศยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ ครม.กำลังพิจารณาเห็นชอบ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวเด่นในปีหน้า ทำให้มองดัชนีมี downside จำกัด บริเวณ 1,600 จุด

ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังเป็นselective buy โดยแม้ดัชนีถึงสิ้นปีไม่ได้ไปไหนมากนัก เนื่องจากมองว่าแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบ 1,600-1,670 จุด อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นน่าสนใจที่ผมอยากแนะนำ ดังต่อไปนี้

1) AOT คาดราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบมากพอแล้วจากออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพิ่มเติมและการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 (คาดการณ์) เข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

2) GPSC แนวโน้มกำไร 4Q 64 ปรับตัวดีขึ้นQOQ จากการกลับมาดำเนินของโครงการ GHECO-One และคาดว่าจะมีการรับรู้เงินชดเชยค่าประกันภัยสำหรับ GE Phase 5 อีกประมาณ 200 ล้านบาท

3) HMPRO แนวโน้มกำไร 4Q 64 ปรับตัวดีขึ้นทั้ง YOY และ QOQ โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS และมาร์จิ้นที่ดีขึ้นในเดือน ต.ค. หลังจากการกลับมาเปิดให้บริการ และ sentiment ตลาดที่ดีขึ้น

4) AH คาดกำไรปกติ 4Q 64 จะเติบโต QOQ และ YOY หลังผู้ผลิตรถยนต์เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตในเดือนก.ย. รวมถึงจะได้ sentiment บวกจากการออกมาตรการกระตุ้นให้คนซื้อ EV

5) NYT ได้ปัจจัยหนุนจากยอดส่งออกรถยนต์ที่เร่งตัวขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ โดยล่าสุดตัวเลขเดือน พ.ย. ปริมาณส่งออกรถยนต์ที่ท่าเทียบเรือทำนิวไฮของปีนี้

ทั้งนี้ เนื่องจากเหลืออีกไม่กี่สัปดาห์จะถึงสิ้นปีแล้ว และเตรียมต้อนรับปีใหม่ 2565 ผมจึงถือโอกาสในส่วนปิดท้ายนี้ นำบทวิเคราะห์ของ SCBS ถึงสถานการณ์ในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้ม SET หรือแนวโน้มเศรษฐกิจ มาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบข้อมูลดังนี้ครับ

โดยเป้าหมาย SET Index ของ SCBS ปี 2565 อยู่ที่ 1,660 จุด โดยคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นได้ดีใน 1Q65และปรับฐานในไตรมาส 2 เพื่อซึมซับการขึ้นดอกเบี้ยและการเติบโตที่เป็นปกติมากขึ้น และโมเมนตัมจะดีขึ้นใน 2H65 จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะชะลอตัว ในขณะที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย “มองบวกอย่างระมัดระวัง” ในปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง -6.1% ในปี 2564 และเติบโต +1.0% ในปี 2564 ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% YOY ในปี 2565”


แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้า ด้วยรักและหวังดี