คปภ. โต้กลับ คำสั่ง “ห้ามบอกเลิกประกันโควิด” ชอบด้วยกฎหมาย

คปภ. โต้กลับบอร์ดประกัน

คปภ.ย้ำชัด คำสั่งนายทะเบียนเรื่องให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์โควิด เป็นคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย เตรียมหารือมาตรการอื่นเยียวยาบริษัทประกันต่อผลกระทบโอมิครอน

วันที่ 6 มกราคม 2564 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีสมาคมประกันวินาศภัยไทย มีมติเอกฉันท์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) พิจารณายกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่องให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน คปภ. ซึ่งมีกรอบระยะเวลาพิจารณา 30 วัน ก่อนที่จะเสนอบอร์ด คปภ. เพื่อพิจารณาต่อไป

ซึ่งทีมงานกฎหมายได้ดูข้อมูลแล้วยืนยันว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้มีการย้อนหลังเป็นโทษต่อบริษัทประกันภัยแต่อย่างใด เพราะแม้จะมีข้อความที่ให้สิทธิคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกโดยต้องแจ้งล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะสามารถบอกเลิกได้ โดยไปอ้างว่ามีความเสี่ยงเปลี่ยนไป หรือจะขาดทุน แล้วบอกเลิกแบบเหมาเข่ง แทนที่จะเลือกวิธีการอื่นที่ไม่เป็นการรอนสิทธิ

เนื่องจากแนวทางเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก โดยผู้เอาประกันภัยไม่ได้เป็นฝ่ายผิด การตีความสัญญาสำเร็จรูป โดยส่งผลเป็นโทษแก่ผู้บริโภคย่อมเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค และไม่เป็นธรรม จึงไม่สามารถทำได้ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมฯ

นอกจากนี้ ยังขัดต่อหลักการของการประกันภัย โดยที่มีข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานสนับสนุนชัดเจน โดยรายละเอียดขอไม่เปิดเผยในขณะนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อรูปคดี เพราะทราบว่าทางบริษัทกำลังเตรียมฟ้องสำนักงาน คปภ. เพื่อจะขอเพิกถอนคำสั่งนี้ และเรียกค่าเสียหาย ถ้าทำได้สำเร็จก็จะกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของประชาชนหลายล้านคน ซึ่งผมและทีมงานของสำนักงาน คปภ. ขอยืนยันว่าจะขอยืนหยัดและสู้เพื่อหลักการ ความถูกต้องและประโยชน์ของประชาชน

อย่างไรก็ตามต่อผลกระทบจากการระบาดของโอมิครอนต่อภาคธุรกิจประกันวินาศภัย ทางสำนักงาน คปภ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการหารือกันเพื่อหามาตรการอื่นเยียวยา โดยที่จะไม่ให้เป็นการริดรอนสิทธิของผู้บริโภค ทั้งนี้จะมีการหารือกับฝั่งของผู้บริโภคด้วย เพื่อรับฟังเสียงสะท้อน และเพื่อหาทางออกให้เกิดประโยชน์และไม่ขัดต่อกฎหมาย