ร้านค้าเลิกรับ คนละครึ่งเฟส 4 โอดถูกเก็บภาษีเพิ่มหลักหมื่น

ร้านค้า-ร้านอาหารตลาดบอง มาร์เช่ ประชานิเวศน์ 1 ทยอย “ยกเลิก” รับเงินคนละครึ่ง โอดเจอจ่ายภาษีเพิ่มหลักหมื่น ชี้ต้นทุนพุ่ง-กำไรน้อย ไม่คุ้ม เสียงสะท้อนทำไมมุ่งเก็บภาษีคนตัวเล็ก

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 4 ประชาชนจะได้รับเงินเข้าเแอปเป๋าตังคนละ 1,200 บาท เพื่อใช้จ่ายระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย. 2565 อย่างไรก็ตามในครั้งนี้พบว่ามีร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจำนวนมาก “ยกเลิก” รับเงินคนละครึ่ง โดยระบุว่าจากการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เป็นการเสียภาษีแบบเหมาจ่าย

จากการสำรวจร้านค้าในตลาดบอง มาร์เช่ ย่านประชานิเวศน์ 1 ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจำนวนมาก ทั้งในส่วนของร้านค้าเบ็ดเตล็ด ร้านผลไม้ ศูนย์อาหาร เรียกว่ากว่า 70-80% ของร้านค้าในบอง มาร์เช่ ต่างเข้าร่วมโครงการรับเงินคนละครี่ง เพราะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดีล่าสุดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 พบว่าร้านค้าในตลาดบอง มาร์เช่ ทั้งร้านผลไม้ ร้านอาหารต่าง ๆ ในศูนย์อาหารจำนวนมาก “ยกเลิก” รับเงินคนละครึ่ง ซึ่งระบุตรงกันว่า ถูกสรรพากรเก็บภาษีเพิ่มขึ้น

โดยเจ้าของร้านขายอาหารรายหนึ่งในตลาดบอง มาร์เช่ ระบุว่า ปกติเสียภาษีแบบเหมาจ่ายปีละ 3,000 บาท แต่เมื่อต้นปี 2565 ไปยื่นเสียภาษีทางสรรพากรมีการตรวจสอบรายรับจากบัญชี “ถุงเงิน” ซึ่งใช้ในการรับเงินคนละครึ่ง ซึ่งยอมรับว่ายอดขายดีขึ้นมาก ทำให้ถูกประเมินภาษีเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่หลักหมื่นบาท ในปีนี้จึงตัดสินใจ “ยกเลิก” รับเงินคนละครึ่ง

“แม้ว่าคนละครึ่งจะทำให้มีลูกค้ามากขึ้น แต่ก็มองว่าไม่คุ้ม เพราะตอนนี้ต้นทุนวัตถุดิบก็สูงขึ้น กำไรจากการขายก็ลดลง การเลิกรับคนละครึ่งอาจจะทำให้ลูกค้าลดลงบ้าง แต่ก็มองว่าดีกว่า ขณะที่บางร้านค้าที่ขายดีมาก โดนเรียกเก็บภาษีหลัก 4-5 หมื่นบาท ก็ทำให้ร้านค้าในย่านนี้ยกเลิกรับคนละครึ่งกันเป็นหลายราย”

ทั้งนี้ในภาพรวมในตลาดบอง มาร์เช่ มีร้านค้าที่ยังรับเงินคนละครึ่งอยู่ที่ประมาณ 40-50% ของร้านค้าทั้งหมด โดยจากการสอบถามเจ้าของร้านค้าที่ยังรับเงิน “คนละครึ่ง” ระบุเช่นกันว่า ทางสรรพากรได้ตรวจสอบรายได้ของทางร้านผ่านทางบัญชี “ถุงเงิน” ทำให้ร้านต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าปกติ

“แต่ก็ไม่เข้าใจว่านโยบายต้องการช่วยประชาชน และร้านค้ารายเล็กรายน้อย แล้วทำไมถึงมาเก็บภาษีคนตัวเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านรายนี้กล่าวยอมรับ การเข้าร่วมคนละครึ่ง ก็ทำให้ร้านขายสินค้าได้มากขึ้น จึงยังคงรับเงินคนละครึ่ง รวมทั้งในฐานะประชาชนก็ต้องทำตามกฎหมายเสียภาษีตามที่รัฐกำหนด

ขณะที่แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรระบุว่า ทางกรมสรรพากรไม่ได้มีการตรวจสอบเก็บภาษีย้อนหลังของร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งแต่อย่างใด เพียงแต่การที่ร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมีบัญชีถุงเงิน ก็ทำให้ระบบฐานข้อมูลผู้เสียภาษีตรวจสอบง่ายขึ้น ซึ่งตามกฎหมายผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ก็ต้องเสียภาษี

ทั้งนี้จากปีที่ผ่านมามีการใส่เงินกระตุ้นเข้าไปในโครงการคนละครึ่งนับแสนล้านบาท ทำให้ร้านค้ารายย่อยจำนวนมากได้รับอานิสงส์ ก็ยอมรับว่าในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ของผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยปีนี้น่าจะมียอดภาษีเพิ่มขึ้น

สำหรับกรณีที่มีร้านค้ายกเลิกการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เนื่องจากถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นนั้น ต้องบอกว่าตามกฎหมายผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ก็จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ และการยกเลิกรับเงินคนละครึ่ง ก็ต้องคิดให้ดีว่าคุ้มหรือไม่ กับกำลังซื้อที่หายไป