เอเซีย พลัส-FWD ส่งยูนิตลิงก์เจาะลูกค้าเวลท์ ปั้นรายได้ธุรกิจบริหารสินทรัพย์

เอเซีย พลัสจับมือเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ส่ง “ยูนิตลิงก์” เจาะลูกค้าเวลท์ หวังสัดส่วนสัก 10% จากฐานลูกค้ามั่งคั่งเอเซีย พลัสที่มีกว่า 4,000 ราย ปั้นรายได้เข้าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 


วันที่ 3 มีนาคม 2565 ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มเอเซีย พลัสมีเป้าหมายชัดเจนต้องการสร้างรายได้ในหลายธุรกิจให้มีความสมดุลกัน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 4 หน่วยธุรกิจหลัก คือ

1.ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหุ้น มีสัดส่วนรายได้หลักอยู่กว่า 40% แต่ในอนาคตจะค่อยๆ มีสัดส่วนลดลง เพราะมีธุรกิจอื่นที่ขยายตัวได้รวดเร็วเสริมขึ้นมา “เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ให้บริการเสนอซื้อขายหุ้นต่างประเทศ”

2.การลงทุนของบริษัทในตลาดหุ้นและหุ้นกู้ทั่วโลก รวมทั้งหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ธุรกิจเงินร่วมลงทุน(VC) รวมไปถึงสตาร์ตอัพ โดยค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในการลงทุนสตาร์ตอัพอิสราเอล เพราะลงทุนไปแล้วหลายดีลและได้กำไรมาค่อนข้างมาก ล่าสุดตัดสินใจตั้งกองทุนรวมอิสราเอล เพื่อให้ลูกค้าคนไทยมีโอกาสไปลงทุนได้

3.การบริหารสินทรัพย์ให้กับลูกค้า โดยตั้งการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) มานานกว่า 10 ปี มีลูกค้ามากกว่า 4,000 ราย (กลุ่มที่มีทรัพย์สินสุทธิของทุกกองทุนอยู่ภายใต้การจัดการ (AUM) มูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป) โดยมีเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ (RM) คอยให้บริการลูกค้ารายใหญ่กลุ่มนี้มากกว่า 60-70 คน “ซึ่งต่อไปคนมีแนวโน้มออมเงินมากขึ้น และในอนาคตเวลาจะมีจำกัด ฉะนั้น คนที่มีเงินจะมาใช้บริการของเรา”

นอกจากนี้ เรายังมีบริษัทลูก (บลจ.แอสแซทพลัส) ซึ่งมีกองทุนรวมต่างๆ ไว้เสนอขายให้กับนักลงทุนไทย โดยปี 2564 เป็นปีที่มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ รวมไปถึงปี 2565 เราได้ขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์การเงินมากขึ้น โดยร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต (FWD) เพราะเกี่ยวโยงกับการบริหารความมั่งคั่งลูกค้าของเรา ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำเสนอขายให้กับลูกค้าเวลท์ รวมทั้งลูกค้าซื้อขายหุ้นปกติได้อีกด้วย

ADVERTISMENT

4.การเป็นผู้เสนอขายหุ้น IPO ขายหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน และเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) รวมทั้งทำธุรกิจควบรวมกิจการ(M&A) ซึ่งทำมานานกว่า 30 ปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

“เราพยายามเปลี่ยนแปลงให้กับเสาธุรกิจแต่ละต้นให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ”

ADVERTISMENT

ดร.ก้องเกียรติกล่าวว่า โดยแผนปี 2565 จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มฐานลูกค้าที่ยังครอบคลุมไม่ถึง และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และเพิ่มช่องทางการขายผ่าน selling agent ซึ่งล่าสุดได้ร่วมมือกับ FWD ซึ่งมีความสำคัญในการตอกย้ำฐานลูกค้าให้มีความแข็งแกร่งขึ้น และให้ลูกค้ามีทางเลือกในการลงทุนได้มากขึ้น

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์แรกที่จะเสนอขายภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้คือ Asia Plus x FWD Infinite Wealth (เอเซีย พลัส x เอฟดับบลิวดี อินฟินิต เวลท์) โดยเป็นแบบประกันที่ยูนิตลิงก์ให้อิสระการกำหนดสัดส่วนความคุ้มครองชีวิตและการออกแบบพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง

เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 500,000 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองสูงถึง 50 เท่า และชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 5 ปี ต่างจากแบบประกันอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องจ่ายเบี้ยถึงอายุ 99 ปี นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถขอต่ออายุกรมธรรม์ได้ทุก 15 ปี สับเปลี่ยนกองทุนได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และปรับเปลี่ยนความคุ้มครองชีวิตได้ตามต้องการ

พิเศษสำหรับลูกค้าเอเซีย พลัส ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Asia Plus x FWD Infinite Wealth ภายในวันที่ 15 เม.ย.65 จะได้รับความ Exclusive ในการเลือกลงทุนในกองทุนคุณภาพนอกเหนือจากกองทุนที่ FWD มีอยู่ใน Universe ทางเลือกการลงทุนโดยกองทุนพิเศษ 2 กองทุนรวม จาก บลจ.แอสเซท พลัส ได้แก่ 1.กองทุนเปิดแอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) และ 2.กองทุนเปิดแอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท (ASP-VIET)

ดร.ก้องเกียรติกล่าวเสริมว่า เราตั้งเป้าหมายตัวเลขรายได้ไว้ค่อนข้างท้าทาย แต่ปีแรกคงเป็นช่วงทดลองตลาดก่อน โดยจะเสนอผลิตภัณฑ์ตัวนี้กับลูกค้าที่มีพอร์ตลงทุนกับบริษัทก่อน รวมทั้งกลุ่มลูกค้าเวลท์ที่มีกว่า 4,000 คน นอกจากนี้ ช่วงครึ่งปีหลังก็จะมีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ประกันที่จะเปิดขายเข้ามาเสริมผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ตัวนี้

นายเดวิดกล่าวเสริมว่า โดยปกติกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกรมธรรม์ยูนิตลิงก์จะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางบนไปจนถึงลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งมีค่าเบี้ยประกันที่จ่ายเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี

“ช่วงแรกเราจะให้ความรู้แก่ลูกค้ามีความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์นี้ก่อน หลังจากนั้น เชื่อว่ายอดขายจะตามมาเองอย่างรวดเร็ว เราต้องการให้ทีมใช้เวลาตรงนี้เพราะเรามีฐานลูกค้าเวลท์ 4,000 ราย เข้าไปเสนอได้สัก 10% ก็อาจจะมากเพียงพอแล้ว เพราะกรมธรรม์แต่ละใบมูลค่าไม่เท่ากัน บางคนจ่ายเบี้ยสูง บางคนจ่ายเบี้ยน้อย โดยเราเชื่อว่าธุรกิจบริหารความมั่งคั่งจะมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ของเอเซีย พลัสได้” ดร.ก้องเกียรติกล่าวทิ้งท้าย