บาทอ่อนดันราคาทองนิวไฮ ทะลุ 3.1 หมื่น เข้าคิวขายทั่วประเทศ

วิกฤตสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ดันราคาทองคำโลกพุ่งแตะ 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ผู้ค้าลุ้นปีนี้ทำนิวไฮถึง 2,100 เหรียญ อานิสงส์ “บาทอ่อน” ดันราคา “ทองแท่งในประเทศ” พุ่งทำสถิติ 31,150 บาท คนแห่เข้าคิวขายทองทั่วประเทศ ผู้ค้าเผยต้องสำรองเงินสดมากเป็นพิเศษ

ร้านทองดังเชียงใหม่เผยสำรองเงินวันละ 100 ล้านบาท ขณะที่ร้านเล็กสายป่านสั้นประกาศ “ปิดรับซื้อ” นายกสมาคมค้าทองคำ ชี้หากบานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ราคาในประเทศมีสิทธิถึง 35,000 บาท “วายแอลจี-ฮั่วเซ่งเฮง” เผยคนแห่ขายทั้งหน้าร้าน-ผ่านบัญชีเทรดออนไลน์ เพื่อทำกำไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์วิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน” ที่เข้าใกล้ภาวะสงครามทำให้ราคาทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาพุ่งขึ้นไปทดสอบระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แล้ว 2-3 ครั้ง และย่อตัวลงมา ขณะที่ราคาทองคำโลกเคยทำสถิติสูงสุดที่ 2,074 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2563

สำหรับราคาซื้อขายทองคำในประเทศล่าสุด (บ่าย 8 มี.ค. 2565) ทองคำแท่ง 96.5% ราคารับซื้ออยู่ที่ 31,050 บาท และราคาขาย 31,150 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ราคารับซื้อ 30,395 บาท ราคาขายออก 31,550 บาท

บาทอ่อนทองในประเทศนิวไฮ

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครนมา ราคาซื้อขายทองคำโลก (gold spot) ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 6-7% หรือเพิ่มขึ้นราว 130 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งแนวโน้มราคายังไปต่อ เพราะสงครามน่าจะยืดเยื้อ โดยโกลเบล็กมองแนวต้านที่ระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้คือ 2,074 ดอลลาร์ โดยพบว่ากองทุนทองคำ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีมา ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ราคาทองแท่งในประเทศจะสูงกว่า ตอนที่ราคาทองโลกทำนิวไฮครั้งก่อน เนื่องจากขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 33.14 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้ปัจจุบันราคาทองแท่งในประเทศอยู่ที่ราว 31,000 บาท ขณะที่ราคาทองโลกอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ 2,000 ดอลลาร์ เทียบกับปี 2563 ที่ราคาทองโลกทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 2,074 เหรียญ แต่ขณะนั้นค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.2 บาทต่อดอลลาร์ และราคาทองแท่งในประเทศอยู่ที่ 30,300 บาท จึงทำให้ขณะนี้ราคาทองในประเทศเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าตอนที่ทองโลกทำจุดสูงสุด

ลูกค้าแห่เปิดบัญชีเทรดทอง

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์ในยูเครน ดันราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ยิ่งดันให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นไปมากกว่า (all time high) ซึ่งนักลงทุนที่เคยเข้าซื้อสะสม จะเริ่มมาขายทองคำ ทั้งตามหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมองว่าราคาทองคำช่วงนี้ปรับขึ้นมากจนได้กำไรเป็นที่น่าพอใจ

“ขณะที่ยอดการเปิดบัญชีก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์ เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากขึ้น การเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์ได้รับความนิยมมาพอสมควร ก่อนที่จะมีเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และตอนนี้ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเพิ่มโอกาสจังหวะการลงทุนในการเข้าออกที่มากขึ้นต่อราคาทองคำที่ผันผวนได้ตลอดเวลา” นายธนรัชต์กล่าว

วิกฤตยูเครน “ทองคำลุ้นนิวไฮ”

นายธนรัชต์กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มระยะต่อไป มองว่าเบื้องต้นสถานการณ์ภาพรวมในความตึงเครียดในยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ โดยสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำก็ยังคงคาดว่า ระยะสั้นราคาทองคำเคลื่อนไหว sideways up อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแนวโน้มผันผวนตามสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งหากการเจรจารอบ 3 ระหว่างรัสเซียและยูเครนคลี่คลาย ก็จะส่งผลให้ทองคำปรับตัวลงแรง แต่คาดว่าอาจจะไม่จบในระยะอันใกล้นี้

“หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ราคาทองคำจะสามารถทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อไป และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับไปที่จุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 2,074 ดอลลาร์ในปี 2563 และหากยังคงยืดเยื้อต่อก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมดังกล่าว สร้าง new high ใหม่ได้”

เฟดขึ้น ดบ. จับจังหวะลงทุนทอง

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนยังไม่จบ ช่วงแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจทำให้เผชิญกับแรงเทขายออกมาบ้าง แต่ก็จะไม่มากนัก ดังนั้นการเก็งกำไรในทองคำ หากราคาอ่อนตัวลง ยังแนะนำกลับเข้าซื้อ

โดยมีแนวรับสำหรับกลับเข้าซื้ออยู่ที่บริเวณ 1,960-1,970 ดอลลาร์ และมีจุดขายตัดขาดทุนอยู่ที่ 1,950 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านบริเวณ 2,000 ดอลลาร์ หากผ่านขึ้นไปได้ คาดว่าราคาทองจะมีโอกาสไปยังบริเวณ 2,074 ดอลลาร์

“สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ อาจปรับตัวได้มากกว่าราคาทองโลก เนื่องจากได้ปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยสามารถเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำบริเวณ 29,700 บาท โดยราคาทองคำแท่งมีแนวรับ 30,000 บาท และ 29,700 บาท ขณะที่มีแนวต้าน 31,500 บาท” นายธนรัชต์กล่าว

สงคราม ! มีสิทธิพุ่ง 3.5 หมื่น

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่เริ่มเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเห็นคนทยอยนำทองคำออกมาขายกันมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ตรุษจีนเป็นต้นมา ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นแล้วกว่า 2,300 บาท ทำให้มีคนมารอคิวขายทองมากขึ้น แต่ก็แถวไม่ยาวเหมือนรอบก่อนที่ทองทำราคาสูงสุด (นิวไฮ) ช่วงปี 2563

“คนมาขายทองมากขึ้น ทั้งระบบต่อวันก็อาจจะเป็นมูลค่าหลักพันล้านบาท แต่ก็ไม่มากเหมือนรอบก่อน เพราะคนที่มีทอง พอขายไปก็มีทองในมือน้อยลง เพราะทิศทางราคาทองขึ้นมาแล้วไม่ลงด้วย ถ้าราคาลงคนก็อาจจะซื้อกลับได้ แต่นี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ คนก็เลยซื้อกลับได้ไม่มาก” นายจิตติกล่าว

“เทรนด์ราคาช่วงนี้คนก็ดูสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างเดียว ถ้าเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาราคาทองก็อาจจะขึ้นอีก ยิ่งถ้าบานปลายก็คงขึ้นไปได้อีกมาก แต่ถ้ามีการเจรจายุติกันได้ราคาทองก็คงจะตกลงมา สถานการณ์แบบนี้วิเคราะห์ยาก ซึ่งถ้าถึงขนาดบานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ราคาทองก็อาจจะไปถึง 35,000 บาทก็ได้” นายจิตติกล่าว

แห่ขายทองคำเก็งกำไร

ด้านนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนนำทองคำที่ซื้อไว้ นำออกมาขาย โดยหากดูจากบรรยากาศการซื้อขายทองคำร้านค้าทองบนถนนเยาวราช รวมถึงร้านทองของวายแอลจีเอง ก็มีนักลงทุนนำทองคำออกมาขายมากขึ้น รวมถึงการเปิดบัญชีเทรดทองคำออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงกลุ่มคนที่มีบัญชีอยู่แล้ว แต่บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวช่วงก่อนหน้านี้ ก็มีการกลับเข้ามาในพอร์ตมากขึ้น

“ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นในพอร์ตจะเป็นการขายทองคำออกมากกว่าซื้อเข้า เนื่องจากนักลงทุนบางคนก็ติดดอยทองคำมาค่อนข้างนาน พอถึงจุดที่สามารถทำกำไรได้ คนก็ทยอยขายทองคำออกมากันค่อนข้างเยอะ ประกอบกับค่าเงินบาทในประเทศไทยที่อ่อนค่าลง ก็เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะขายทองคำเพื่อทำกำไร” นางพวรรณ์กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม หากดูจากเทรนด์จะเห็นว่าทองคำยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น แต่ด้วยราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้เวลาแกว่งตัวหรือปรับฐานลงมาอาจจะลดลงมาด้วยวอลุ่มที่ค่อนข้างมาก แต่ในระยะสั้นก็ยังมองทองคำเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่

ลุ้นปีนี้เห็น 2,100 เหรียญ

นางพวรรณ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทองคำขึ้นไปถึงแตะ 2,000 เหรียญต่อออนซ์แล้ว ก่อนที่จะย่อกลับลงมา ซึ่งต้องดูว่าทองคำจะสามารถผ่าน 2,000 เหรียญต่อออนซ์ขึ้นไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องดูสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า (15-16 มี.ค.) ที่อาจกดดันราคาทองคำให้ย่อลงมา ซึ่งประเมินว่าในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูง จะยังคงมีการย่อตัวลงสลับกับปรับตัวขึ้นไปสักระยะ ซึ่งถ้าทองคำยังไม่หลุด 1,950 เหรียญต่อออนซ์ ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะดีดกลับขึ้นไปได้

“หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ก็จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งทองคำอาจมีการย่อลงเล็กน้อย แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ก็อาจจะมีเซอร์ไพรส์ตลาดได้ และทองคำอาจจะมีโอกาสที่จะปรับตัวลงมาก หากราคาทองคำย่อลงมา และมองเป็นจังหวะดีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ เพียงแต่ว่าจะย่อลงมามากน้อยแค่ไหนยังต้องติดตาม”

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน คาดว่าจะยืดเยื้อ จนฉุดเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง ทำให้มีนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นทองคำขึ้นไปถึง 2,100 เหรียญต่อออนซ์

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าคึกคัก

ด้าน นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า ภาพคนแห่ขายทองคำรอบนี้อาจจะไม่ได้หนาแน่นมาก ส่วนหนึ่งเพราะลูกค้าซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ขณะเดียวกันราคาทองก็ปรับตัวขึ้นมาเป็นเดือนแล้ว ทำให้ที่ผ่านมาก็ทยอยขายกันไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งผู้ค้าทองก็สามารถบริหารจัดการได้ แต่ก็ต้องสำรองเงินสดไว้มากกว่าเดิม

เมื่อมีคนมาขายทองมาก ผู้ค้าก็จะส่งออกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกทองคำปัจจุบัน ไม่สะดวกเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เพราะเที่ยวบินจะเหลือเพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 เที่ยวบินเท่านั้น จากที่เคยมีบินได้ทุกวัน ระบบก็เลยจะตึง ๆ ฝืด ๆ ไปบ้าง

นพ.กฤชรัตน์กล่าวอีกว่า ตอนนี้นักลงทุนที่ถือทองคำที่เป็น physical จะค่อนข้างน้อยลงแล้ว เหลือในพอร์ตไม่มาก เพราะขายกันมาตลอดทาง แต่สำหรับนักลงทุนที่เป็น trading อย่างในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) วอลุ่มการซื้อขายยังดี และมีการซื้อขายที่ค่อนข้างหนาแน่น อย่าง 2-3 วันก่อน วอลุ่มมากกว่า 20-30 ตัน

เชียงใหม่สำรอง 100 ล้าน/วัน

นายฉัตรพล สุนทรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรีทองค้าทองแท่ง จำกัด ผู้ค้าทองแท่งและทองรูปพรรณรายใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องในขณะนี้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงนำทองคำ ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณมาขายที่ห้างทองอินทรีทองอย่างคึกคัก หลังราคาขึ้นบาทละ 28,000-29,000 บาท ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึง 7 มีนาคม 2565 ทะลุ 30,000 บาทแล้ว

สำหรับห้างทองอินทรีทองมีอยู่ 3 สาขาในย่านตลาดวโรรส โดยมีการเตรียมเงินสดสำรองไว้ราว 100 ล้านบาทต่อวัน เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการขายทองในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังเปิดบริการรับซื้อทองคำแท่ง 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรายเดียวในจังหวัดเชียงใหม่ที่เปิดซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์แบบ real time

ทองแพงร้านเล็กปิด-ไม่รับซื้อ

นายฉัตรพลกล่าวว่า กลุ่มลูกค้าที่นำทองมาขายเป็นคนในพื้นที่เชียงใหม่ 80-90% ที่เหลือเป็นลูกค้าจากจังหวัดลำพูน ลำปาง พะเยา และเชียงราย ที่เดินทางนำทองมาขายกับทางร้านโดยตรง เนื่องจากร้านทองในจังหวัดดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่รับซื้อทอง ด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ เงินสดสำรองไม่เพียงพอ สภาพคล่องมีไม่มาก เพราะราคาทองที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ หากสายป่านไม่แข็งแรงพอ การรับซื้อก็ค่อนข้างมีความเสี่ยง ในการที่จะนำทองไประบายหรือขายต่อ ร้านทองขนาดเล็กถึงขั้นต้องปิดหน้าร้าน เพราะรับซื้อไม่ไหว ส่วนบางร้านที่ยังคงเปิดหน้าร้าน แต่ไม่รับซื้อทอง เป็นต้น

สำหรับห้างทองอินทรีทองมีสายป่านที่แข็งแรง และมีเงินทุนสำรองมากเพียงพอที่จะรับซื้อทองจากลูกค้า ซึ่งทองคำที่ทางร้านรับซื้อไว้จะส่งออกไปขายในตลาดยุโรปโดยกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ซึ่งเป็นผู้นำด้านการลงทุนทองคำที่ครบวงจร

หาดใหญ่ขายทองมรดก

เจ้าของห้างทองรัตนมณี เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาทองคำพุ่งสูงทำให้ขณะนี้มีลูกค้าจำนวนมากนำทองคำเก่าที่เก็บสะสมไว้ และทองมรดกมาขาย คิดเป็นน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 บาท/วัน มีทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่งส่วนใหญ่เป็นทองคำแท่ง ซึ่งภาพรวมห้างทองในหาดใหญ่ไม่ได้ประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการรับซื้อทอง