โบรกประกันออนไลน์แข่งชิงเบี้ย “ดอลฟิน” กดราคาสู้ “รู้ใจ” เจาะลูกค้าคนจีน

สมรภูมิโบรกเกอร์ประกันออนไลน์ปี’65 แข่งคึกคัก “ดอลฟิน” โดดแข่งราคาชิงเบี้ย ชูจุดแข็ง ecosystem กลุ่มเซ็นทรัลฐานลูกค้า 4 ล้านราย ฟาก “รู้ใจ” ดึงเอไอประเมินเคลม-นำระบบเทเลเมติกส์จับพฤติกรรมขับขี่ รุกขยายฐานลูกค้าชาวจีนอาศัยในไทย พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ภาษาจีน ด้าน “แรบบิทแคร์” ปั้นรายได้ช่องทางออนไลน์เพิ่มเป็น 20-25% ตั้งเป้าเบี้ยสิ้นปี 3,000 ล้านบาท โต 58%

วันที่ 15 มีนาคม 2565 นางสาวกรกนก เฟื่องฟุ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและวางแผน บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น Dolfin เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2565 ดอลฟินมีแผนงานชัดเจนแล้วในการทำธุรกิจขายประกันผ่านแอปพลิเคชั่น เพื่อสร้างรายได้ให้บริษัท โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมสิ้นปีขั้นต่ำ 500 ล้านบาท ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ

1.ขายประกันภัยรถยนต์ จากความได้เปรียบ ecosytem ของธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล จากลูกค้าที่มีรถเข้ามาใน ecosystem จำนวนมาก รวมถึงรู้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

โดยโฟกัส 2 เรื่อง คือ การกำหนดเบี้ยประกันเป็นรายบุคคล ใช้ข้อมูลเชิงลึก (data insight) เป็นตัวช่วยในการเก็บราคาให้เหมาะกับความเสี่ยงการขับขี่ของลูกค้าแต่ละราย โดยทำงานร่วมกับบริษัทประกันวินาศภัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ที่มีความยืดหยุ่น ลูกค้าสามารถกำหนดเองได้ในระดับหนึ่ง

เหมือนจ่ายเมื่อใช้ (pay per use) หรือครอบคลุมตามการออกแบบ (coverage as design) และการสร้างประสบการณ์หลังการขาย ที่มีความสะดวกมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการบริการ ทั้งการเคลมและการดูแลระหว่างซ่อม

2.ขายประกันไมโครอินชัวรันซ์ โฟกัสประกันสุขภาพและประกันเดินทาง ใช้จุดแข็ง data insight ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ประกัน ปรับแต่งให้ลูกค้าเลือกรูปแบบประกันตามความต้องการของตัวเอง รวมถึงใช้ประโยชน์จากช่องทางดิจิทัลและดิจิทัลเพย์เมนต์ของบริษัท ทำให้ต้นทุนการขายต่ำ แข่งขันด้านราคาในตลาดได้ โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป

3.ขายประกันสินค้าและบริการ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งจะมีหลายสถานการณ์ที่เข้าไปออฟเฟอร์ผลิตภัณฑ์ประกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกและเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าได้ เช่น การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะซื้อผ่านออนไลน์

“ปัจจุบันฐานลูกค้ากลุ่มเซ็นทรัลค่อนข้างใหญ่มากเกือบ 20 ล้านราย กลุ่มใหญ่ คือ คนวัยทำงานและครอบครัว แผนเบื้องต้นโฟกัสลูกค้าที่ใช้งานแอปดอลฟินอยู่แล้วก่อน ซึ่งมีประมาณ 4 ล้านราย โดยปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์บริษัทประกันอยู่ทั้งหมด 7 ราย”

นางสาวแกรทเชียโน่ เยิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท รู้ใจ จำกัด (Roojai.com) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันจะโต 30-35% จากปีก่อน คาดหวังจำนวนลูกค้าใหม่ขยายตัวกว่า 50% จากปัจจุบันมีลูกค้าทั้งหมด 123,000 ราย ส่วนใหญ่ 95% เป็นลูกค้าคนไทย ที่เหลือ 5% เป็นชาวต่างชาติ

โดยแผนงานปีนี้จะขยายฐานลูกค้าชาวจีนที่อาศัยอยู่ในไทย ซึ่งมีอยู่กว่า 220,000 ราย ปัจจุบันมีส่วนแบ่งลูกค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว 1% มีอัตราการต่ออายุประกันรถยนต์กว่า 75% มีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย และนิสัยคนจีนส่วนใหญ่ชอบบอกต่อแนะนำเพื่อน ฉะนั้นจะช่วยให้เป้าการขยายฐานลูกค้าโตขึ้นได้ ซึ่งช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ เห็นการโตของลูกค้าชาวจีนแล้วกว่า 9%

ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดเว็บไซต์ภาษาจีนรองรับการทำธุรกรรม มีคอลเซ็นเตอร์ภาษาจีนให้บริการ มีการพัฒนาแอป แจ้งเคลมด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีพนักงานเซอร์เวย์ มีแผนที่ช่วยหาอู่ซ่อมในเครือ รวมทั้งอยู่ระหว่างนำเอไอมาใช้ประเมินเคลม และนำระบบเทเลเมติกส์มาจับพฤติกรรมขับขี่ลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะใช้งานได้จริงภายในปีนี้

“บริษัทมีแผนขยายผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อให้ครอบคลุมทุกสินค้า ปัจจุบันขายประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ และประกันมะเร็ง ให้กับทางกรุงไทยพานิชประกันภัย และขายประกันอุบัติเหตุให้กับแอกซ่า และขายประกันอะไหล่รถยนต์ให้กับเมืองไทยประกันภัย

ล่าสุด เมื่อเดือน ก.พ. ก็เพิ่งเปิดขายประกันโควิดคุ้มครองภาวะโคม่าให้กับทางเอฟดับบลิวดี นอกจากนี้ ช่วงเดือน เม.ย.นี้ มีแผนเปิดตัวประกันการเดินทางสำหรับชาวต่างชาติที่ผ่าน Thailand Pass เพิ่มเติมด้วย รับประกันโดยเอฟดับบลิวดี”

นายไมเคิล มันเฟรด สไตลเบิล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด (Rabbit Care) กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกัน 3,000 ล้านบาท โต 58% จากปีก่อนที่มีเบี้ยประกัน 1,900 ล้านบาท มาจากยอดขายประกันรถยนต์ที่ลูกค้ายังคงต่ออายุประกันต่อเนื่อง และมีการพัฒนากระบวนการซื้อที่ง่ายและสะดวก และประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบได้ รวมถึงประกันสะสมทรัพย์ โดยมีแผนขยายตลาดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มเติม

“ปัจจุบันแรบบิทแคร์มีสัดส่วนช่องทางการขายหลักกว่า 90% ผ่านเทเลเซลส์ และอีก 10% ผ่านออนไลน์ ตั้งเป้าปีนี้ขยายสัดส่วนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 20-25% หลังพัฒนาระบบ careOS เข้ามาช่วยกระบวนการทำงาน

โดยตั้งเป้าภายใน 2-3 ปี ต้องการเพิ่มยอดเบี้ยเป็น 5,000 ล้านบาทและขยับมาร์เก็ตแชร์อีก 10 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 5-10% จากปัจจุบันมีเพียง 1% โดยกลยุทธ์ไปสู่เป้าหมายเน้นขยายตลาดประกันสุขภาพ”