กสิกรไทย ชี้วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ทำเฟดไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ชี้ความไม่แน่นอนจากสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ส่งผลให้เฟดน่าจะหลีกเลี่ยงดำเนินนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าว ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินระยะข้างหน้าขึ้นกับผลกระทบของวิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน”

วันที่ 14 มีนาคม 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 15-16 มี.ค.ที่จะถึงนี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและยังเร่งตัวขึ้น โดยแม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในฝั่งอุปทานที่เป็นสาเหตุหลักของเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายคงช่วยลดการคาดการณ์เงินเฟ้อและยับยั้งการเกิดวัฏจักรเงินเฟ้อ (inflation spiral) ได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่ตลาดแรงงานในปัจจุบันก็มีความแข็งแกร่งและเข้าใกล้ระดับเต็มศักยภาพ (full employment)

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน คาดว่าเฟดคงหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าว (hawkish) จนเกินควร ดังนั้น เฟดคงมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพียง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี เฟดคงต้องติดตามและประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนในการพิจารณานโยบายการเงินในระยะข้างหน้า ซึ่งเฟดคงเผชิญสถานการณ์ที่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและด้านเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ครั้งนี้ คาดว่าเฟดอาจมีการปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อขึ้นและปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ตลาดคงต้องติดตามประมาณการการปรับขึ้นดอกเบี้ย (Fed Dot Plot) โดยตลาดยังคงมีมุมมองว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.75-2.00%

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในระยะข้างหน้าคงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้มุมมองต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันได้

โดยหากการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรยังคงยืดเยื้อและมีความรุนแรงอันจะส่งผลกระทบทางลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐเอง อาจส่งผลให้เฟดอาจจำเป็นต้องชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยกว่าที่ตลาดคาด