เปิด 4 ปัจจัยทุบหุ้นจีน ออลไทม์โลว์ กูรูเตือนระวังแรงช็อก-ปรับฐานยังไม่จบ

หุ้นจีน
PHOTO : investors.com

ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีนดิ่งหนัก “ฟินโนมีนา” เปิด 4 ปัจจัยหุ้นจีนทำออลไทม์โลว์-กลุ่มเทคฯทรุด หวั่นล็อกดาวน์เสิ่นเจิ้น-เซี่ยงไฮ้นาน เจอแรงช็อกปรับฐานลงหนักกว่านี้ แนะนักลงทุนช่วง 1 เดือนข้างหน้า รอจังหวะลงทุน หากไม่มีข่าวดีการปรับฐานยังไม่จบ

วันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) วันนี้ (15 มี.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องกว่า 5.5% จากวันก่อนหน้า และดัชนีตลาดหุ้นจีน (China A50) ลดลงต่อเนื่องกว่า 4.87% (ข้อมูล investing.com)

ด้านนายชยานนท์ รักกาญจนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด (FINNOMENA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า 4 ปัจจัยใหญ่กดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงในขณะนี้คือ

1.มาตรการ Zero Covid ของจีน ที่ยังทำอยู่ และทำให้การบริโภคภายในประเทศที่รัฐบาลจีนมองว่าเพียงพอจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ แต่ตอนนี้กลับไม่โตแล้ว

2.การปิดล็อกดาวน์เสิ่นเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเสิ่นเจิ้นเป็นฐานการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ และโรงงานเกี่ยวกับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ จึงเกิดปัญหาด้านส่งออก จากเดิมที่คาดว่าภาคการส่งออกเหล่านี้น่าจะค้ำตลาดได้ แต่หลายกลายเป็นภาวะล็อกดาวน์รอบนี้ตลาดเกิดความกังวลจึงมีแรงเทขายหุ้นกันออกมา

3.ความเสี่ยงหุ้นเทคโนโลยีของจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ เกิดแรงเทขายหนัก หลังจาก “ตีตี ชูสิง” (Didi Chuxing) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในแดนมังกร ไม่ผ่านเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต.จีน ซึ่งมีแนวโน้มถูกถอดออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก จึงเกิดความกังวลกระทบต่อบริษัทอื่น ๆ ตามมา

4.หลังจีนโหวตงดออกเสียงในเวที UN ในการไม่ประนามและคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งชัดเจนแล้วว่าทางรัสเซียต้องการคบมหามิตรอย่างจีนแทน ส่งผลให้มีนักลงทุนฝั่งอเมริกาและยุโรป เกิดความไม่แน่ใจ ว่าจีนอาจโดนมาตรการกดดันเพิ่มเติมจากทางชาติตะวันตก เพื่อไม่ให้เข้าไปสนิทกับรัสเซีย จึงเกิดแรงเทขายหุ้นออกมาจากหุ้นจีน

นายชยานนท์กล่าวต่อว่า ภาพในระยะสั้นช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้ ตลาดหุ้นจีนจะอยู่ที่ปัจจัยการระบาดของโควิด-19 แต่ทั้งนี้เนื่องจากรอบก่อนใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์กลับมา Re-opening ได้ แต่ถ้ารอบนี้กลับมาไม่ได้ ตลาดจะมีแรงช็อกและปรับฐานลงไปมากกว่านี้ แนะนำนักลงทุนรอดูจังหวะการฟื้นตัวของตลาด หากการรีบาวด์มาพร้อมกับข่าวหรือปัจจัยใหม่ ๆ ที่พร้อมให้นักลงทุนรู้สึกสบายใจได้หรือไม่ ถ้ายังไม่มีมองว่าการปรับฐานยังไม่จบ

“ตอนนี้การปิดล็อกดาวน์เสิ่นเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อ GDP ของจีนค่อนข้างสูง”

ส่วนภาพในระยะกลางช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ถ้าสงครามรัสเซียและยูเครน ทางรัสเซียยังไม่ถอยจะมีแรงกดดันให้จีนทำอะไรหรือไม่สนับสนุนรัสเซียทั้งในเชิงเศรษฐกิจและอำนาจทางการมหารเพิ่มเติม ตรงนี้จีนอาจต้องระวังความเสี่ยงเรื่องการโดนแซงชั่นด้วย

ส่วนภาพในระยะยาวช่วง 1 ปีข้างหน้า อยู่ที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้ม GDP โตต่ำกว่า 5% เมื่อไรอาจกดดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจดับลงได้ แต่อย่างไรก็ตามฟินโนมีนายังมองตลาดหุ้นจีนจะยังน่าสนใจอยู่ เพราะสุดท้ายแล้วทางการจีนน่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกตัวอย่าง อัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบ, ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติม เป็นต้น