กองทุนประกันส่อกู้ 2 หมื่นล้าน บี้บริษัทวินาศภัยจ่ายเงินสมทบเต็มเพดาน

เงินกู้

คปภ.เตรียมชง รมว.คลังไฟเขียวกองทุนประกันวินาศภัย เรียกเก็บ “เงินสมทบ” จากบริษัทประกันวินาศภัยเพิ่มเต็มเพดาน 0.5% ต่อปี หวังเพิ่ม “รายได้-ศักยภาพกู้เงิน” ใช้ดูแลลูกหนี้ 4 บริษัทเจ๊งเคลมโควิด “เจอจ่ายจบ”

พร้อมลดนำส่งเงินสมทบเข้าบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ-ยืดเวลาชั่วคราวนำส่งเงินสมทบเข้า คปภ.ช่วยบรรเทาภาระบริษัทประกัน ด้าน “สมาคมประกันวินาศภัยไทย” ชี้ควรลดนำส่งเงินสมทบเข้า คปภ. เหตุมีเงินสะสมอยู่หลายพันล้าน-ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ช่วงนี้ ประเมินกองทุนต้องใช้เงินกู้กว่า 2 หมื่นล้านบาทจ่ายเคลมค้าง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดหาเงินกู้ของกองทุนประกันวินาศภัย

เพื่อนำเงินมาชำระให้แก่เจ้าหนี้บริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตจากผลกระทบเคลมประกันภัยโควิด-19 นั้นเบื้องต้นได้พูดคุยกับนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัยคนใหม่แล้ว โดยกำลังเจรจากับทุกหน่วยงานที่ไม่ขัดต่อกฎหมายในการขอกู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ที่มีเงินสะสมอยู่ค่อนข้างมาก

“เป้าหมายกองทุนต้องการกู้ด้วยวงเงินที่มากที่สุด ที่จะสามารถอนุมัติให้ได้ แต่แน่นอนว่าผู้ให้กู้อาจต้องพิจารณารายได้ของกองทุนด้วย ดังนั้น หากกองทุนมีรายได้เพิ่มเข้ามาจะทำให้วงเงินการกู้ที่จะได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้นได้อีก จากปัจจุบันที่กองทุนมีรายได้ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี จากการนำส่งเงินสมทบของบริษัทประกันวินาศภัย และมีรายได้จากเงินลงทุนบางส่วน” นายสุทธิพลกล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุดกองทุนมีแนวคิดจะปรับเพิ่มการนำส่งเงินสมทบของบริษัทประกันวินาศภัยเข้ากองทุนให้เต็มเพดานตามที่กฎหมายกำหนด หรือที่อัตรา 0.5% ของเบี้ยรับรวมของบริษัทประกันวินาศภัยต่อปี จากปัจจุบันเก็บอยู่แค่ครึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้กองทุนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

และเพื่อลดความเดือดร้อนของบริษัทประกันวินาศภัย อาจจะลดนำส่งเงินสมทบเข้าบริษัทกลางฯ รวมถึงให้ยืดเวลานำส่งเงินสมทบเข้าสำนักงาน คปภ.ออกไปชั่วคราว ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะต้องนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาเห็นชอบต่อไป

สำหรับร่างประกาศเปิดช่องให้กองทุนกู้เงินได้ จากเดิมที่กู้ไม่ได้ ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนได้พิจารณาเห็นชอบร่างดังกล่าวแล้ว โดยตามกฎหมายต้องนำเข้าพิจารณาในบอร์ด คปภ. เมื่อประธานบอร์ดเห็นชอบจะเป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน ต้องเสนอประธานกรรมการกองทุนลงนาม

“ตอนนี้อาจยังไม่ทราบมูลหนี้ที่กองทุนต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ของ 4 บริษัทที่ปิดกิจการจากผลกระทบการเคลมประกันภัยโควิด คือ บมจ.เอเชียประกันภัย, บมจ.เดอะ วันประกันภัย, บมจ.อาคเนย์ประกันภัยและ บมจ.ไทยประกันภัย

เพราะขณะนี้เจ้าหนี้ของอาคเนย์ประกันภัยและไทยประกันภัยยัง อยู่ระหว่างทยอยยื่นเอกสารเข้ามา ซึ่งกองทุนยังไม่ได้ปิดรับและเราต้องนำเอกสารมาพิจารณาด้วยว่าที่ส่งกันมามีความซ้ำซ้อนหรือไม่” นายสุทธิพลกล่าว

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า แนวทางการเพิ่มรายได้เข้ากองทุน ถ้าจะให้บริษัทประกันวินาศภัยนำส่งเงินเต็มเพดาน จากอัตราที่เก็บปัจจุบัน 0.25% เป็น 0.5% ของเบี้ยรับรวมของบริษัทประกันวินาศภัยต่อปีก็เห็นด้วย แต่ควรลดการนำส่งเงินสมทบเข้า คปภ.และกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยด้วย เพราะมีเงินสะสมอยู่หลายพันล้านบาท ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องใช้ช่วงนี้

“อย่างไรก็ดี การนำส่งเงินสมทบของบริษัทประกันวินาศภัยเข้าบริษัทกลางฯ ประมาณ 1,400 ล้านบาทต่อปี จริง ๆ แล้ว เป็นเงินที่ช่วยภาคธุรกิจให้มีสภาพคล่องจ่ายเคลมประกันรถภาคบังคับ ส่วนวงเงินที่กองทุนจะกู้คาดว่าจะต้องกู้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ประเมินจากผลกระทบ 4 บริษัทถูกปิดกิจการ” นายอานนท์กล่าว