หุ้นไทยรีบาวนด์ในกรอบ 1,620-1,640 จุด ขานรับรายงานเฟด

หุ้น หุ้นไทย

บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้อิงทางขึ้นในกรอบ 1,620-1,640 จุด หลังรายงานการประชุมเฟดเป็นไปตามตลาดคาด จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ใน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ตลาดจับตาการปรับน้ำหนัก MSCI ช่วงสิ้นเดือนนี้

วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ว่า มีโอกาสอิงทางขึ้นได้ ในกรอบ 1,620-1,640 จุด หลังรายงานการประชุมเฟดเป็นไปตามตลาดคาด โดยคณะกรรมการหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ใน 2 รอบการประชุม(มิถุนายนและกรกฎาคม) ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับในเชิงบวก คาดจะส่งบรรยากาศเชิงบวกมายังตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ขณะที่ตลาดจับตาการปรับน้ำหนัก MSCI ที่จะมาถึงในสิ้นเดือนนี้

กลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายยังให้น้ำหนักกับธีมเปิดเมืองเปิดประเทศ เช่น OR, BEC, AOT, PLANB หรือหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะรายตัว/รายกลุ่ม อาทิ กระแสรถ EV ทางฝ่ายชอบหุ้นสถานีชาร์จและแบตตอรี่ ซึ่งคาดได้รับประโยชน์ก่อน เช่น EA, GPSC, BCP, PTG โดยการประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF-GUNKUL ในการลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุ จากประเด็นข่าวเปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เช่น CK, PYLON, STEC

ล่าสุดการเข้ามาจัดตั้งบริษัทในไทยของ TESLA อาจสร้างความกังวลให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตฯยานยนต์ไนไทย แต่ทางฝ่ายประเมินผลกระทบที่คาดจะเกิดขึ้นยังจำกัดโดยมองแนวโน้มที่ TESLA จะเข้ามาจัดตั้งโรงงานการผลิตในไทยยังมีไม่มาก เนื่องจากล่าสุด TESLA กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีความได้เปรียบกว่าในด้านวัตถุดิบหลักอย่าง “แร่นิกเกิล” บวกกับขนาดประชากรในประเทศที่มีมากกว่าประเทศไทยเกือบ 4 เท่า

ดังนั้น การเข้ามาในครั้งนี้ ทางฝ่ายมองเป็นการเข้ามาเพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศด้วย แรงสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้น กลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มที่สร้าง Ecosystem ให้กิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแพร่หลายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการสถานีชาร์จ และการทำแบตเตอรี่

อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ประกอบการอุตฯ ยานยนต์ในไทยที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงก่อนที่จะถูก Disrupt ลง

ส่วนความคืบหน้า รฟม.เปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีสมช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี โดยเป็นลักษณะร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะก่อสร้าง (ใช้เวลาราว 9 ปี 6 เดือน) และระยะให้บริการและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าเป็นเวลา 30 ปี โดยผู้ซื้อซองประมูลต้องยื่นข้อเสนอให้เสร็จในเดือนกรกฎาคมปีนี้ เพื่อทำสัญญาร่วมลงทุนในช่วงสิ้นปี คาดหนุน บรรยากาศบวกให้หุ้นในกลุ่มก่อสร้างกลับมาคึกคักอีกครั้ง