หลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำจัดพอร์ตลงทุนสัดส่วน 90% ผ่าน “กองทุนรวมผสม” กระจายความเสี่ยงช่วงตลาดผันผวน
วันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้มีหลายปัจจัยความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการลงทุนในกองทุนรวม เช่น สงครามรัสเซียยูเครนที่กินเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ ทำให้เกิดวิกฤตพลังงาน และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้เงินเฟ้อพุ่งทั่วโลก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ล่าสุดเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ค. 2565 อยู่ที่ 7.1% สูงสุดในรอบ 13 ปี รายงาน BLS Top Funds จึงแนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยสัดส่วนลงทุนหลัก 90% ให้เน้นไปใน “กองทุนรวมผสม” ที่มีนโยบายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ต
ส่วนที่เหลือให้ลงทุนในกองทุนที่อาจได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อพุ่งหรือราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในสัดส่วน 10% สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแนะนำ BCAP-GW25 กองทุนผสมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่เกิน 25% ของพอร์ต, ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางแนะ BCAP-GW50 กองทุนผสมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่เกิน 50% ของพอร์ต และให้เพิ่มการลงทุนในกองทุน KTILF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนล้อตามเงินเฟ้อ และผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะ BCAP-GW7 กองทุนผสมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ไม่เกิน 75% ของพอร์ต และให้เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน KT-ENERGY เพราะราคาพลังงานมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง