ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. พุ่งเกินคาด

ภาพ : pixabay

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค.พุ่งเกินคาด นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ขณะที่ผู้ว่าแบงก์ชาติของไทยระบุการขึ้นดอกเบี้ยต้องไม่ช้าจนเกินไป และต้องดูบริบทของประเทศเป็นสำคัญ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/6) ที่ระดับ 34.80/83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (10/6) ที่ระดับ 34.72/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี

ซึ่งเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3% ดัชนี CPI ดังกล่าวสูงกว่าระดับ 8.3% ในเดือน เม.ย. และสูงกว่าระดับ 8.5% ที่ทำไว้ในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2524 นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.7%

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลยส์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีเหตุผลที่ดีที่จะสร้างความประหลาดใจต่อตลาดในสัปดาห์หน้าด้วย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาดไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในวันนี้

ทั้งนี้ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน พ.ค. ในวันนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. อย่างไรก็ดี ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 5% เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 19% เมื่อวานนี้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การจะพิจารณณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จำเป็นต้องขึ้นกับบริบทของประเทศเป็นสำคัญ และคงไม่ใช่การปรับขึ้นดอกเบี้ยไปตามทิศทางของธนาคารกลางประเทศหลัก ๆ เนื่องจากบริบทของไทย แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นมาจากฝั่งอุปสงค์เป็นหลัก ไม่ใช่จากฝั่งอุปทาน

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะต้องไม่ขึ้นช้าจนเกินไป เพราะถ้าขึ้นช้าเกินไปจะไม่ดี นโยบายการเงินหรือนโยบายดอกเบี้ยเทียบเคียงแล้ว เหมือนการเหยียบคันเร่งกับการแตะเบรก ที่ผ่านมาไทยใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนมาก และเป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อเทียบกับภูมิภาคแล้ว ดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่ำสุดในภูมิภาค ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูงติดอันดับในภูมิภาค

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 34.755-34.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.80/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ADVERTISMENT

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้านี้ (13/6) ที่ระดับ 1.0484/86 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อศุกร์ (10/6) ที่ระดับ 1.0595/97 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0456-1.0520 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0475/77 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/6) ที่ระดับ 134.80/82 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (10/6) ที่ระดับ 133.98/134.00 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส เนื่องจากการที่รัสเซียโจมตียูเครนทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 134.15-135.16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 14.37/40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (14/6), ดัชนียอดขายปลีกสหรัฐ (15/6), อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (15/6) ดัชนีภาคการผลิตฟิลาเดลเฟีย (16/6)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.70/-1.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.3/0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ