จิตตะเวลธ์ จ่อลดวงเงินซื้อกองทุน-ชูตลาดหุ้นญี่ปุ่นรับมือความผันผวน

ตลาดหุ้น

จิตตะเวลธ์ จ่อปรับลดวงเงินซื้อกองทุนส่วนบุคคลเหลือขั้นต่ำ 10,000 บาท ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมชู “ตลาดหุ้นเอเชีย” แกร่ง รับมือความผันผวนส่ง “Jitta Ranking ญี่ปุ่น” รับผลตอบแทนเฉลี่ย 26.12% ต่อปี

วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลัง 2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกกดดันให้อยู่ในช่วงขาลงจากภาพรวมเศรษฐกิจ โลกที่ยังชะลอตัว และนักลงทุนยังต้องเผชิญกับความผันผวน ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) ไปแล้ว ด้วยดัชนีติดลบไปกว่า 20% ทั้งดัชนี NASDAQ ตามมาด้วย S&P500

ซึ่งคาดว่าภาวะตลาดหมีอาจจะลากยาวไปจนถึงปี 2566 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลอดทั้งปี 2565 เพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาวะตลาดหมีและเศรษฐกิจถดถอยจะไม่ยืดเยื้อนานเกิน 24 เดือน

ปัจจุบันจิตตะเวลธ์มีนโยบายลงทุนผ่านหุ้นและ ETF ได้แก่ นโยบาย GLOBAL ETF นโยบาย THEMATIC และนโยบาย Jitta Ranking โดยใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์คุณภาพสินทรัพย์และบริหารผ่อนลงทุนอย่างมีวินัยเพื่อการลงทุนระยะยาว ทั้งนี้จิตตะเวลธ์เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่บริหารกองทุนส่วนบุคคลมากที่สุดในไทยด้วยจำนวน 63,000 บัญชี และมีมูลค่าภายใต้การจัดการประมาณ 15,000 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2565

ซึ่งจิตตะเวลธ์ได้ตั้งเป้าหมายจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบัญชี ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมุ่งเน้นสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับนักเลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จิตตะเวลธ์วางแผนที่จะปรับลดค่าธรรมเนียมของกองทุนส่วนบุคคลในกองทุน Global ETF – THEMATIC เหลือขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยคาดว่าจะดำเนินการปรับลดค่าธรรมเนียมได้แล้วเสร็จอย่างเร็วภายในสิ้นปีหรืออย่างช้าที่สุดช่วงต้นปีหน้า เพื่อดึงดูงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

นายตราวุทธิ์กล่าวอีกว่า ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังผันผวนมีอีกตลาดหุ้นที่มีโอกาสในสร้างกำไรที่ไม่มีใครเห็น แต่จิตตะเวลธ์มองเห็นคือตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีโอกาสเติบโต โดดเด่นจากคุณภาพของกิจการ และนักลงทุนไม่ควรพลาด ด้วยนโยบาย Abenomics ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ผู้ล่วงลับ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีขุมทรัพย์ที่รอวันปะทุอย่างเงินออมของภาคครัวเรือนที่มีสัดส่วนการถือเงินสดและฝากเงินในธนาคารมากถึง 55% เมื่อเทียบกับสหรัฐที่มีเพียง 16% สะท้อนถึงสภาพคล่องในระบบการเงินที่อยู่ในระดับสูง ส่วนการบริโภคในประเทศของญี่ปุ่นคิดเป็น 74.5% ของ GDP เมื่อเทียบกับสหรัฐที่ 82% ดังนั้นสัดส่วนเงินออมของครัวเรือนญี่ปุ่นที่สูงถึง 55% หากแบ่งไปที่การบริโภค และการลงทุนมากขึ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะทะยานไปได้อีกไกลมาก

“นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจกำลังเห็นผล ญี่ปุ่นมีโอกาสหลุดจาก The Lost Decade กลับไปท็อปฟอร์ม และอย่างที่ทุกคนทราบ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพสูง ธุรกิจค่อนข้างมั่นคง มีการพัฒนาด้านธรรมภิบาลต่อเนื่อง เราเห็นโอกาสการลงทุนที่ยิ่งใหญ่มากในญี่ปุ่น และเป็นจังหวะที่ดี เพราะญี่ปุ่นมีหุ้นดีราคาถูก เป็นของ หายากหรือ Rare Item หนึ่งในตลาดหุ้นไม่กี่แห่งในโลกที่มีหุ้นคุณค่าเยอะมาก รายได้โตสูงและมีกำไรแข็งแกร่งมากในตลาดหุ้นเอเชีย”

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ญี่ปุ่น แผนลงทุนใหม่ที่ใช้ AI มาวิเคราะห์หุ้นมากกว่า 3,400 บริษัทเพื่อเลือกหุ้นดีราคาถูกจากตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange-TSE) มาจัดพอร์ตลงทุน 5-30 บริษัท ด้วยอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta ที่อยู่บนพื้นฐานแนวคิด “ลงทุนในกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม” ของ Warren Buffett ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นคุณภาพดีโดยตรง ผ่านการบริหารกองทุนส่วนบุคคลของจิตตะเวลธ์ โดย Jitta Ranking ญี่ปุ่น จะมีการปรับพอร์ตทุก 3 เดือน เงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพิ่มทุนครั้งละ 100,000 บาท