ชัชชาติเปิดเผยถึงกรณีคะแนนนิยมจากการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว และกรณีการชดเชยการขาดทุนจากการเดินรถไฟฟ้า
วันที่ 15 สิงหาคม 2565 ภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยถึงประเด็นการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ดังต่อไปนี้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ไม่หวั่นกระทบคะแนนนิยม
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยกรณีว่าหากเก็บค่าโดยสารและจะกระทบกับคะแนนนิยม ว่า
“ผมว่าถ้าเก็บได้คะแนนนิยมเพิ่มนะ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตอนนี้เราเอาเงินของคนทั้ง กทม. มาสนับสนุนอยู่ถูกไหม คน กทม. 5 ล้านคน แต่คนนั่งอยู่ประมาณ 1.6 แสนคน ตอนนี้เงินที่จะมาช่วยค่าอาหารเด็ก ผู้สูงอายุ สุดท้ายงบประมาณนี้ก็ไปอยู่ที่ค่าจ้างเดินรถรถไฟฟ้า”
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยว่าปัจจุบันต้องกรุงเทพมหานครต้องจ่าค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ปีละกว่า 5.9 พันล้านบาท โดยที่ไม่มีรายได้จากค่าโดยสารจึงต้องเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2
ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายจากกรณีการจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 2 ประมาณปีละ 5.9 พันล้านบาท คาดว่าเมื่อจัดเก็บค่าโดยสารแล้วจะต้องจ่าส่วนต่างสำหรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 อีกปีละ 6 พันล้านบาท นายชัชชาติกล่าว
อย่างไรก็ดี รายได้จากรถไฟฟ้านั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นค่าโดยสาร และส่วนที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร ซึ่งกรุงเทพมหานครจะต้องเพิ่มสัดส่วนรายได้จากส่วนที่ไม่ใช่ค่าโดยสารเพื่อลดภาระการขาดทุนของโครงการให้ได้มากที่สุด นายชัชชาติกล่าว
โมเดลการเก็บค่าโดยสาร
นายวิศณุกล่าวว่า การเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นมี 2 รูปแบบในการเก็บ โดยจะเก็บค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 59 บาท
รูปแบบที่ 1 ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย กรณีของส่วนสัมปทานหรือส่วนไข่แดงนั้นจัดเก็บตามเดิม
รูปแบบที่ 2 ใช้สูตร 14+2x ในการจัดเก็บค่าโดยสาร โดย x คือจำนวนสถานี โดยคิดค่าโดยสารสูงสุดที่ 59 บาท
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เปิดเผยต่อว่า ทั้งรูปแบบที่ 1 และรูปแบบที่ 2 นั้นจะมีรายได้จากค่าโดยสารใกล้เคียงกัน
การเจรจาค่าแรกเข้า
การเจรจาค่าแรกเข้านั้นนายวิศณุ ทรัพย์สมพล เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังเจรจา แต่มีความยากเหตุเพราะรายได้จากค่าโดยสารของรถไฟฟ้าส่วนสัมปทานนั้น เอกชนได้ขายให้แก่กองทุน BTSGIF
โดยนายชัชชาติได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจากรณีค่าแรกเข้าจะไม่กระทบเรื่องการจัดเก็บค่าโดยสารซึ่งสามารถทำไปก่อนได้