ชัชชาติ ไม่หวั่นคะแนนนิยมลด เหตุเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ชัชชาติเปิดเผยถึงกรณีคะแนนนิยมจากการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว และกรณีการชดเชยการขาดทุนจากการเดินรถไฟฟ้า

วันที่ 15 สิงหาคม 2565 ภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยถึงประเด็นการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ดังต่อไปนี้

ไม่หวั่นกระทบคะแนนนิยม

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยกรณีว่าหากเก็บค่าโดยสารและจะกระทบกับคะแนนนิยม ว่า
“ผมว่าถ้าเก็บได้คะแนนนิยมเพิ่มนะ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตอนนี้เราเอาเงินของคนทั้ง กทม. มาสนับสนุนอยู่ถูกไหม คน กทม. 5 ล้านคน แต่คนนั่งอยู่ประมาณ 1.6 แสนคน ตอนนี้เงินที่จะมาช่วยค่าอาหารเด็ก ผู้สูงอายุ สุดท้ายงบประมาณนี้ก็ไปอยู่ที่ค่าจ้างเดินรถรถไฟฟ้า”

โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยว่าปัจจุบันต้องกรุงเทพมหานครต้องจ่าค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ปีละกว่า 5.9 พันล้านบาท โดยที่ไม่มีรายได้จากค่าโดยสารจึงต้องเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2

ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายจากกรณีการจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 2 ประมาณปีละ 5.9 พันล้านบาท คาดว่าเมื่อจัดเก็บค่าโดยสารแล้วจะต้องจ่าส่วนต่างสำหรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 อีกปีละ 6 พันล้านบาท นายชัชชาติกล่าว

อย่างไรก็ดี รายได้จากรถไฟฟ้านั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นค่าโดยสาร และส่วนที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร ซึ่งกรุงเทพมหานครจะต้องเพิ่มสัดส่วนรายได้จากส่วนที่ไม่ใช่ค่าโดยสารเพื่อลดภาระการขาดทุนของโครงการให้ได้มากที่สุด นายชัชชาติกล่าว

โมเดลการเก็บค่าโดยสาร

นายวิศณุกล่าวว่า การเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นมี 2 รูปแบบในการเก็บ โดยจะเก็บค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 59 บาท

รูปแบบที่ 1 ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย กรณีของส่วนสัมปทานหรือส่วนไข่แดงนั้นจัดเก็บตามเดิม

รูปแบบที่ 2 ใช้สูตร 14+2x ในการจัดเก็บค่าโดยสาร โดย x คือจำนวนสถานี โดยคิดค่าโดยสารสูงสุดที่ 59 บาท

โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เปิดเผยต่อว่า ทั้งรูปแบบที่ 1 และรูปแบบที่ 2 นั้นจะมีรายได้จากค่าโดยสารใกล้เคียงกัน

การเจรจาค่าแรกเข้า

การเจรจาค่าแรกเข้านั้นนายวิศณุ ทรัพย์สมพล เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังเจรจา แต่มีความยากเหตุเพราะรายได้จากค่าโดยสารของรถไฟฟ้าส่วนสัมปทานนั้น เอกชนได้ขายให้แก่กองทุน BTSGIF

โดยนายชัชชาติได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจากรณีค่าแรกเข้าจะไม่กระทบเรื่องการจัดเก็บค่าโดยสารซึ่งสามารถทำไปก่อนได้