
จากกรณีนายจ้างหญิงผู้อ้างตัวเป็นภรรยา ส.ว. ทำร้ายร่างกายและทารุณทหารหญิง ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จนเหยื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีนั้น ล่าสุดผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว
วันที่ 20 สิงหาคม 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยแพร่ข่าวความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า. ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ผู้ต้องหา เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรีแล้ว โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และรอง ผอ.ศพดส.ตร เป็นผู้สอบปากคำ
จากนั้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ “เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือผู้อื่น
โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ
ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิด ในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล
อันเป็นความผิดฐาน ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 มาตรา 6/1 มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295)
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงกำชับให้มีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเร่งรัดให้มีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อให้ได้รับความยุติธรรม
ขณะเดียวกันจะดำเนินคดีผู้ต้องหาตามกฎหมายโดยเด็ดขาดและไม่มีการยกเว้น นอกจากนี้จะให้ทางต้นสังกัดพิจารณาโทษทางวินัยเพื่อมิให้เกิดการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้อีก
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องเร่งทำความจริงให้กระจ่างและกำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ออกสืบสวนติดตามคดีอย่างเร่งด่วน และให้นำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อพิจารณารายละเอียดพฤติการณ์ให้ครบถ้วน
จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 และจากการสอบสวนปากคำ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ทราบว่าตนเองรู้จักกับผู้ต้องหามาเป็นเวลาหลายปี

ก่อนหน้านี้ น.ส.เอได้มาช่วยผู้ต้องหาทำงานที่ร้านกาแฟ ก่อนจะปิดตัวลงในภายหลัง เนื่องจากขายไม่ดี ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่าจะฝาก น.ส.เอ เข้ารับราชการทหาร โดยเรียกเงินค่าดำเนินการ จำนวน 5 แสนบาท ซึ่ง น.ส.เอ นั้นได้จ่ายให้แล้วบางส่วน เหลือยอดหนี้ที่ผู้ต้องหาต้องการอีก 240,000 บาท โดยได้หักออกจากเงินเดือนหลังเข้ารับราชการแล้ว เหลือเพียงเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน
จากนั้นผู้ต้องหาได้ย้าย น.ส.เอ ไปช่วยราชการ และยังบังคับให้ น.ส.เอ มาทำงานอยู่ที่บ้านของผู้ต้องหา โดยทำหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ขับรถ ดูแลเรื่องอาหารการกิน และอื่น ๆ ตามที่ผู้ต้องหาสั่ง
เมื่อ น.ส.เอ ทำสิ่งใดไม่ถูกใจ ก็จะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีตามเนื้อตัว ใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าชอร์ตตามร่างกาย
ต่อมาผู้ต้องหาได้บังคับให้ น.ส.เอ ลาออกจากทหาร และขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะทำร้ายร่างกายอีก น.ส.เอ จึงยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 แต่ผู้ต้องหายังบังคับและทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ เช่นเดิม
ต่อมา น.ส.เอ ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านเพื่อให้พาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุด
…..