ดร.ยุ้ย เปิดเวทีติวเข้มข้าราชการ กทม. ปูพื้น “งบประมาณฐานศูนย์” เริ่มใช้ปีงบ’68

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

“ดร.ยุ้ย” ประเดิมเวทีแรกติวเข้มข้าราชการ กทม. ใช้ตัวชี้วัดรูปแบบใหม่ OKRs แทน KPI และงบประมาณฐานศูนย์หวังเริ่มใช้ในปีงบฯ 2568

วันที่ 14 กันยายน 2565 ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุงเทพมหานครจัดการอบรมเรื่อง “การจัดทำแผนและงบประมาณฐานศูนย์ (Zero-based Budgeting)” เพื่อให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจร่วมกับราชการ และตัวแทนเจ้าหน้าที่เขต 50 เขต และสำนักต่าง ๆ

ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในการปรับเป้าหมายและทิศทางของแผนงบประมาณในการพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้สอดรับกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม. ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนพัฒนาเส้นเลือดฝอย ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งจะเป็นฐานไปสู่มหานครแห่งเอเชียคาดว่าจะจัดทำได้ในปีงบประมาณ 2568

“แนวทางการทำงานของ กทม. มียุทธศาสตร์ 7 ข้อที่เป็นแกนหลัก แล้วแตกแกนหลักมาเป็นยุทธศาสตร์ย่อย ซึ่งครั้งนี้ได้มุ่งเน้นเรื่องการทำ OKRs-Objective and key results หรือการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด และ Zero-based budgeting หรืองบประมาณฐานศูนย์ เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งจะเป็นฐานไปสู่มหานครแห่งเอเชีย ซึ่งจากการหารือโรดแมปของ กทม. แผนปี 2566 จะเป็นการล้อยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้าน และมีบางโครงการได้ทำ OKRS ไว้แล้ว ส่วนแผนปี 2567 จะทำ Key results ใหม่ และปี 2568 งบประมาณจะต้องถูกเขียนใหม่ด้วยซีโร่เบสทั้งหมด” ดร.เกษรากล่าว

สำหรับ OKRs จะเป็นตัวชี้วัดรูปแบบใหม่ที่ต่างจากดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI (Key Performance Indicato) ที่วัดคนทำงานเพียงแค่กระบวนการที่ได้ทำ แต่ OKRs เป็นแนวคิดการบริหารที่เน้นการตั้งเป้าหมาย และติดตามผล ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งในด้านคุณค่า และสัมฤทธิ์ผลจริง แม้จะไม่ได้ตามเป้าหมายทั้งหมด

“กรณี กทม.มีเป้าหมายให้เด็กใน กทม.ได้เรียนว่ายน้ำทุกปี สิ่งที่เป็นเป้าหมายหลัก คือเด็กต้องว่ายน้ำได้ และไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่หากเป็น KPI กระบวนการ คือ จ้างครูมาสอนเด็กว่ายน้ำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม OKRs จะทำให้สามารถประเมินได้ว่าความต้องการของประชาชนมีแนวโน้มเป็นอย่างไร เพื่อปรับนโยบายให้สอดรับกับนโยบายและการจัดสรรงบประมาณ” ดร.เกษรากล่าว

ส่วนแผนการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ ปัจจบันทีมกำลังร่างยุทธศาสตร์ ในการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ใช้งบประมาณที่น้อยลง และคุ้มค่าแต่ได้ผลลัพธ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการจัดทำงบประมาณแบบเดิม เพราะจะทำให้ไม่เกิดการคิดใหม่ทำใหม่ เนื่องจากคิดจากฐานงบฯเดิมแล้วตั้งงบประมาณให้ครอบคลุมหรือมากกว่า

แต่ด้วยสถานการณ์โลกเปลี่ยน การทำแบบเดิมไม่สอดคล้องกับการที่จะพัฒนาของเมืองที่จะให้ไปข้างหน้า ดังนั้นการทำงบประมาณฐานศูนย์ คือ การที่เราคิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงานโดยการเซตความคิดเป็นซีโร่ โดยพิจารณาจากโครงการยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งบางโครงการอาจไม่สอดคล้องกับแผนการพัฒนาในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิด เช่น ค่าไฟฟ้าแทนที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี เราอาจจะคิดใหม่นำเทคโนโลยีมาใช้ อาจเกิดงบฯลงทุนสูงในปีแรก แต่ค่าไฟฟ้าจะลดลงอย่างแน่นอน เป็นต้น

“ด้วยประสบการณ์ที่ได้ทำงานทั้งใน ระบบราชการ และองค์กรเอกชน จึงเข้าใจการทำงานทั้งสองระบบเป็นอย่างดี สิ่งที่แตกต่างทั้งสอง คือ งานราชการจะมีกรอบระเบียบกฎเกณฑ์มาก ขณะที่เอกชนมีเป้าหมาย คือ การทำกำไร ดังนั้นหากสิ่งใดไม่มีประโยชน์ต่อการทำกำไรก็สามารถตัดออกได้เลย ขณะที่โจทย์ของ กทม.ไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ กทม.ต้องการก้าวไปสู่การเป็นเมืองน่าอยู่

ดังนั้นตรรกะง่าย ๆ ก็คือ หากสิ่งที่ทำอยู่วันนี้ไม่ได้เอื้อหรือทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ในมิติต่าง ๆ ก็แสดงว่าเรื่องนั้นไม่ควรจะทำเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุด และการเดินหน้าที่จะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ หรือ กทม. ต่างก็ต้องมีกรอบที่เป็นหลักกว้าง ๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้” ดร.เกษรากล่าว