กทม.ดึงผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับมือแผ่นดินไหว ถอดบทเรียนที่ตุรกี และซีเรีย

รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล
ภาพจากเพจ กรุงเทพมหานคร

กทม.ดึงผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับมือแผ่นดินไหว ลดความเสี่ยง และป้องกัน ถอดบทเรียนที่ตุรกีและซีเรีย

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 กรุงเทพมหานครมีภารกิจในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารในพื้นที่ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศตุรกีและซีเรีย ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือจากภัยพิบัติดังกล่าว

ซึ่งวันนี้เราได้รับเกียรติจากวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิในหลายภาคส่วน ที่จะมาร่วมหารือและแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ ว่าวันนี้เรามีความพร้อมขนาดไหน หรือเราต้องปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไร โดยการเสวนาในวันนี้ เป็นการเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อม รับมือ ป้องกัน หรือลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นได้”

กทม.ดึงผู้เชี่ยวชาญ
ภาพจากเพจ กรุงเทพมหานคร

รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดงานเสวนาวิชาการ “แผ่นดินไหวตุรกี กทม.พร้อมแค่ไหน” ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง วันนี้ (22 ก.พ. 66)

จากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศตุรกีและซีเรีย นับว่าเป็นภัยพิบัติที่ทำให้ประชาชนชาวไทยพูดถึงด้วยความรู้สึกวิตกกังวลว่า หากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครซึ่งมีตึกสูงจำนวนมาก หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านภัยพิบัติจะมีมาตรการรองรับเหตุการณ์ลักษณะนี้อย่างไร

กรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรที่มีภารกิจหลักด้านการดูแลความปลอดภัยของประชาชน และให้ความสำคัญต่อการเตรียมการรองรับภัยพิบัติในรูปแบบต่าง ๆ มาโดยตลอด โดยมีเครือข่ายการทำงานที่เป็นระบบ เข้มแข็ง ดังที่ปรากฏในการส่งเจ้าหน้าที่ร่วมทีม USAR Thailand ไปปฏิบัติการที่ประเทศตุรกี

อีกทั้งยังให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ที่มีเกณฑ์การบังคับด้านการออกแบบ การก่อสร้าง การดัดแปลงอาคารให้มีความมั่นคงแข็งแรง และมีระบบความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้อาคาร ซึ่งในกรุงเทพมหานครมีอาคารที่เข้าข่ายการบังคับตามกฎกระทรวง กําหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร

กทม.ดึงผู้เชี่ยวชาญ
ภาพจากเพจ กรุงเทพมหานคร

และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2564 จำนวน 3,028 หลัง ซึ่งได้รับการออกแบบตามเกณฑ์การบังคับของกฎหมายแล้ว และมีอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนกฎหมายบังคับใช้จำนวน 10,386 หลัง

นอกจากนี้ ตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. 2548 ได้กำหนดให้เจ้าของอาคารที่มีอาคารเข้าข่ายเป็นอาคาร 9 ประเภท ได้แก่

1.อาคารสูง (อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป)

2.อาคารขนาดใหญ่พิเศษ (อาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป)

3.อาคารชุมนุมคน (อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรือชุมนุมคนได้ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป)

4.โรงมหรสพ

5.โรงแรมที่มีห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป

6.สถานบริการที่มีพื้นที่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป

7.อาคารชุดหรืออาคารที่อยู่อาศัยรวมที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป

8.โรงงานที่มีความสูงมากกว่า 1 ชั้น และมีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป

9.ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย ซึ่งมีความสูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป หรือป้ายที่ติดตั้งบนหลังคา หรือดาดฟ้าของอาคาร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป ส่งรายงานการตรวจสอบอาคารให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อพิจารณาออกใบรับรองการตรวจสอบอาคาร หรือสั่งให้แก้ไข แล้วแต่กรณี

ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นที่ประชาชนสนใจและอยากทราบความชัดเจนของการดำเนินการต่าง ๆ

กทม.ดึงผู้เชี่ยวชาญ
ภาพจากเพจกรุงเทพมหานคร

การจัดเสวนาครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และการแสดงถึงความเชี่ยวชาญของวิทยากรผู้เข้าร่วมเสวนาทุกท่านที่ได้มาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงมาตรการความปลอดภัยที่กำหนดไว้

เพื่อให้คำตอบแก่ประชาชนในเรื่องของการดูแลความปลอดภัย ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนสามารถนำความรู้ไปใช้ในการปรับปรุงอาคารให้มีความพร้อมในการรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ในวันนี้ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดำเนินการเสวนา โดยมี ศ.ดร.นคร ภู่วโรดม อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Structural Mechanics and Structural Dynamics

รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ วิศวกรอาชีพ นักธรณีวิทยาอาชีพ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ดร.ธนิต ใจสอาด วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอาคาร ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาคาร (ศ.วอ.) สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง และนายภุชพงศ์ สัญญโชติ หัวหน้าสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดยาว กรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนา