เปิดประวัติขุนพันธรักษ์ราชเดช จากบุรุษผู้เป็นตำนาน สู่ผลงานภาพยนตร์

ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ภาพจากเว็บไซต์ ศิลปวัฒนธรรม

เปิดประวัติขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบจอมขมังเวทย์ บุรุษผู้เป็นตำนาน สู่ผลงานภาพยนตร์ที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้

วันที่ 7 มีนาคม 2566 กำลังเป็นที่นิยมกับภาพยนตร์ที่กำลังมาแรงที่สุดในไทยเรื่องหนึ่งขณะนี้กับ ขุนพันธ์ 3 ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากชีวิตของ ตำรวจมือปราบ จอมขมังเวทย์ ใช้ความสามารถฝีมือในการต่อกรกับเสือร้าย ในยุคอดีต มีประวัติการปราบคนร้ายอย่างโชกโชน นับแต่จบหลักสูตรนายร้อย ได้รับฉายาต่าง ๆ มากมาย เช่น

นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า, นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว, ขุนพันธ์ฯ ดาบแดง ฉายาดาบแดงนี้ก็มาจากดาบสองเล่ม ถุงแดง สายก็แดง ใช้ดาบแดงขู่โจรได้หมด

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จักกับมือปราบไสยเวทผู้นี้ให้มากขึ้น

ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ภาพจาก มติชนสุดสัปดาห์

ชีวิตในวัยเรียน

พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือชื่อเดิมว่า บุตร พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ที่ 5 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรชายของนายอ้วน นางทองจันทร์ พันธรักษ์ เริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดสวนป่าน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากท่านมีความรู้ในวิชาเลขและหนังสืออยู่แล้วก่อนที่จะเข้าโรงเรียน

ดังนั้น เมื่อเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ได้ 1 วัน ทางโรงเรียนก็เลื่อนชั้นให้เรียนในชั้นประถมปีที่ 2 และวันรุ่งขึ้นก็เลื่อนชั้นให้เรียนชั้นประถมปีที่ 3 เป็นอันว่าท่านเข้าโรงเรียนได้เพียง 3 วัน ได้เลื่อนชั้นถึง 2 ครั้ง

เมื่อครั้งเรียนชั้นประถมปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสวนป่าน มีพระภิกษุอินทร์ รัตนวิจิตร เป็นครูผู้สอน เรียนอยู่ประมาณ 2 เดือน โรงเรียนนั้นก็ถูกยุบ ท่านจึงเข้าเรียนในชั้นเดิม ที่โรงเรียนวัดพระนคร ตำบลพระเสื้อเมือง (ปัจจุบันคือตำบลในเมือง) อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีครูเพิ่ม ณ นคร เป็นครูประจำชั้น

เรียนจบชั้นประถมปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2456 ได้เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดท่าโพธิ์วรวิหาร (หรือเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ในปัจจุบัน)

พอเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 ได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะป่วยเป็นโรคคุดทะราด ต้องพักรักษาตัวปีกว่า เมื่อหายจึงคิดจะกลับมาศึกษาต่อที่โรงเรียนเดิม แต่ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนด้วยกัน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว จึงเปลี่ยนใจเดินทางเข้าไปศึกษาที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2459

โดยไปอยู่กับพระปลัดพลับ บุณยเกียรติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ที่วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน เข้าเรียน พ.ศ. 2461 เลขประจำตัว บ.บ. 1430 ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขณะเรียนที่โรงเรียนนี้ ท่านได้เรียนวิชามวย ยูโด และยิมนาสติก จากครูหลายคน เช่น ครูย้อย ครูศิริ ครูนก ครูมณี จนมีความชำนาญในเชิงมวย ท่านสอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ในปี พ.ศ. 2467

ต่อมาในปี พ.ศ. 2468 จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจระเข้ (โรงเรียนนายร้อยตำรวจในปัจจุบัน) จังหวัดนครปฐม ขณะที่เรียนได้เป็นครูมวยไทยด้วย เรียนอยู่ 5 ปี สำเร็จหลักสูตรในปี พ.ศ. 2472

ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ภาพจาก ข่าวสด

การรับราชการตำรวจ

พ.ศ. 2474 ตําแหน่งผู้บังคับหมวดกองเมืองพัทลุง ปราบเสือสัง หรือเสือพุ่ม เสือร้ายแหกคุกมาจากเมืองตรัง ในปีถัดมาสําเร็จโทษเสือร้ายในพื้นที่อีก 16 คน

พ.ศ. 2479 ลงไปปราบ “อะแวสะดอตาเละ” โจรร้ายนราธิวาส และเสือสาย เสื้อเอิบ ที่พัทลุง

พ.ศ. 2486 ย้ายขึ้นพิจิตรปราบเสือโน้ม

พ.ศ. 2489 ย้ายลงมาเป็นผู้กํากับการตํารวจภูธรชัยนาท พร้อมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อํานวยการกองปราบพิเศษของกรมตํารวจ ลุยปราบชุมโจรสุพรรณฯ อาทิ เสือฝ้าย เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือไหว เสือมเหศวร รวมถึงเสือไกร และเสือวันแห่งชุมโจรอําเภอพรานกระต่าย กระทั่งได้รับฉายาจากชุมชื่อว่า “ขุนพันดาบแดง”

พ.ศ. 2491 ย้ายลงพัทลุงเพื่อกําราบชุมโจรเกิดใหม่ กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการตํารวจภูธรเขต 8 ก่อนเกษียณ

นักการเมือง

ขุนพันธรักษ์ราชเดช เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี พ.ศ. 2512

ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 เวลา 23.27 น. ที่บ้านเลขที่ 764/5 ซอยราชเดช ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยวัย 103 ปี


ข้อมูล : ศิลปวัฒนธรรม