เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566 ตรวจสอบคุณสมบัติ-วิธีลงทะเบียน-วิธีรับเงิน

ผู้สูงอายุ-เบี้ยผู้สูงอายุ
ภาพ : เอเอฟพี (แฟ้มภาพ)

เปิดหลักเกณฑ์ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566” ของกระทรวงมหาดไทย ที่มีการปรับปรุงล่าสุด คุณสมบัติผู้รับเบี้ยผู้สูงอายุฉบับใหม่ ใครมีสิทธิบ้าง ต้องใช้หลักฐานอะไร ปัจจุบันได้รับเงินเดือนละเท่าไหร่ พร้อมเปิดวิธีลงทะเบียน ปฏิทินการจ่ายเงิน-รับเงิน เงินจะเข้าบัญชีวันไหนบ้าง ขณะที่ตัวเลขผู้สูงอายุล่าสุดที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปมีเกินกว่า 12 ล้านคนแล้ว

หลักเกณฑ์ใหม่การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566 กำลังเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจค่อนข้างมาก กรณีที่ กระทรวงมหาดไทย ปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2566 ส่งผลทำให้หลายคนกังวลกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวว่าจะส่งผลต่อ “ผู้สูงอายุ” อย่างไรบ้าง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

แม้พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะออกมาบอกว่า “เป็นความเข้าใจผิด” และต้องรอให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งมีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ออกมาอีกครั้ง

แต่กรณีดังกล่าวปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้สร้างความวิตกให้กับครอบครัวผู้สูงอายุที่ใกล้จะครบ 60 ปี หรือจะครบ 60 ปีในปีนี้ อย่างกว้างขวาง และทำให้เกิดความสับสนปนความวิตกว่า พวกเขายังจะได้รับเงิน “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า กรณีที่เป็นปัญหาสำหรับ ระเบียบการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฉบับใหม่ พ.ศ. 2566 ที่กระทรวงมหาดไทย เพิ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา คือประเด็นคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในข้อ (4) ที่ระบุว่า “จะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ” ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด และอาจทำให้เกิดปัญหาการตีความคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเบี้ยยังชีพที่จะตามมา “การมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ” จะกำหนดอย่างไร จากเดิมที่จะได้รับเงินนี้กันทุกราย

ADVERTISMENT

อัพเดตตัวเลขผู้สูงอายุปี 2566

ปี 2566 สังคมไทยได้สู่การเป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ เห็นได้ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี จำนวนมากเกือบ 20% ของประชากรทั้งหมด

ข้อมูลของ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุว่า ณ สิ้นปี 2565 (31 ธ.ค.65) ประชากรชาวไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวน 12,698,362 คน หรือคิดเป็น 19.21% ของประชากรทั้งหมด 66,090,475 คน ในจำนวนผู้สูงอายุกว่า 12 ล้านคนนี้ เป็นชาย 5.6 ล้านคน และหญิง 7.07 ล้านคน โดยกลุ่มที่มากที่สุด หรือประมาณครึ่งหนึ่ง คือกลุ่มที่มีอายุ 60-69 ปี

ADVERTISMENT

“เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” คืออะไร

“เบี้ยผู้สูงอายุ” หรือ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” หรือบางทียังเรียกติดปากกันว่า “เบี้ยคนชรา” เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ทางภาครัฐจัดสรรให้แก่ “ผู้สูงอายุ” ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน เนื่องจากรายได้จากอาชีพผู้สูงอายุที่ทำอยู่ในแต่ละเดือนอาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย โดยแต่ละปีจะมีการเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่มาลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ หมายความว่า การรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากภาครัฐ จะต้องละทะเบียนก่อน

สำหรับสาระสำคัญของ “หลักเกณฑ์ฉบับบล่าสุดได้มีการเพิ่มเติมในหมวด 1 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ ข้อ 6(4) ซึ่งระบุว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด”

เมื่อ ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยล่าสุด มีผลบังคับใช้จากเดิมที่ผู้สูงอายุทุกคนจะได้รับสวัสดิการดังกล่าวจะเหลือเพียงผู้สูงอายุที่เข้าหลักเกณฑ์ข้างต้นเท่านั้น แล้ว จะมีใครบ้าง ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และมีขั้นตอนการขอรับสิทธิอย่างไร ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง

ใครบ้างมีสิทธิได้รับเงิน “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566”

1.มีสัญชาติไทย
2.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3.มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

การสิ้นสุดการรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566

1.ตาย
2.ขาดคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ข้างต้น
3.แจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหนังสือต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
4.กรณีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนสั่งระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสำหรับบุคคลดังกล่าว

หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน

รวมทั้งมีบทเฉพาะกาล ข้อ 17 ระบุว่าบรรดาผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป

การดำเนินการใดที่ดำเนินอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของระเบียบฉบับนี้ ให้ถือว่าการดำเนินการนั้น เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยระเบียบนี้แล้ว ดูประกาศฉบับเต็ม

ลงทะเบียนรับสิทธิเบี้ยผู้สูงอายุต้องทำอย่างไร

ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีนั้น และเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนั้น ๆ โดยสามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง ได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.ของทุกปี แต่ถ้าหากลงทะเบียนช้า หรือรอลงทะเบียนเมื่อครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก็จะได้รับเงินในปีถัดไป

ทั้งนี้ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกปี เป็นต้นไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน-1ตุลาคมของปีนั้น ๆ จึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้ โดยเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพถัดจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี นั่นก็คือ เดือนตุลาคมปีนั้น ซึ่งก็คืออายุครบ 60 ปีเต็มในเดือนตุลาคม 2565 นั่นเอง

อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องทำอย่างไร

สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือน มกราคม-กันยายน 2566 จะมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป (ปีงบประมาณ 2567)

หลักฐานการลงทะเบียน

การเตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะต้องเตรียมเอกสาร ประกอบด้วย

1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
2.สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
3.สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่ม คือ

1.หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
3.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด

สถานที่ในการขึ้นทะเบียน

  • จุดบริการ ใน กทม. สำนักงานเขต 50 เขต
  • กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
  • อบต.(องค์การบริหารส่วนตำบล) หรือ เทศบาลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

ทั้งนี้ การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ผู้สูงอายุสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปดำเนินการแทน

จำนวนเงินเเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้กันเท่าไร

สำหรับการรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566 ภาครัฐจะโอนเงินให้ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน หากเดือนใดวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดราชการจะจ่ายให้ในวันทำการก่อนวันหยุดนั้น และเป็นการจ่ายรายเดือนแบบขั้นบันได ดังนี้

1.ผู้สูงอายุ อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท
2.ผู้สูงอายุ อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท
3.ผู้สูงอายุ อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท
4.ผู้สูงอายุ อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท