ย้อนดูคำทำนาย โหรบุศรินทร์ เศรษฐาจะเป็นนายกฯ-เหตุยิงกลางห้างดัง

โหรบุศรินทร์ ปัทมาคม
โหรบุศรินทร์ ปัทมาคม

ย้อนดูคำนาย โหรบุศรินทร์ ปัทมาคม 2 เดือนก่อนหน้า จากคำทำนายเศรษฐา ทวีสินจะเป็นนายกฯ คดีกำนันนก “บิ๊กโจ๊ก” ถูกค้นบ้าน แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ จนถึงเหตุการณ์ยิงกลางห้างสยามพารากอน

จากเหตุการณ์เยาวชนอายุ 14 ปี ก่อเหตุยิงกลางห้างสยามพารากอน เมื่อ 3 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 (3 ส.ค.) มติชนทีวี สัมภาษณ์พิเศษ : “บุศรินทร์ ปัทมาคม” นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ทำนายดวงเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมทั้งทำนายคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

โหรบุศรินทร์วิเคราะห์ดวงเมืองของประเทศว่า เป็นดวงที่ค่อนข้างน่าวิตก แต่จะไปได้เรื่อย ๆ แบบชนิดที่ว่าไม่ค่อยจะสบายใจนัก เพราะยังอยู่ระหว่าง “ดวงตก” เพราะดาวพฤหัสฯเป็นกาลกิณีจรมาทับลัคดวงเมือง และมีดาวราหูทับต่ออีก ดาวราหูนี่สำคัญ จะคอยรังแกดวงเมืองตลอด

“น่าวิตกว่าน่าจะเกิดเหตุร้าย ๆ ขึ้นเนือง ๆ เป็นระยะ ๆ จนกว่าถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ราหูถึงจะย้ายแยกออกไปเข้าเรือนวินาศ แต่ดาวพฤหัสฯที่เป็นกาลกิณีจรยังคงอยู่ไปจนถึงวันที่ 21 เมษายน 2567”

“เป็นเรื่องธรรมดาของดวงเมืองที่จะต้องแบ่งเป็น 2 ก๊ก 2 กลุ่มเสมอ ทุกพรรคก็จะต้องมี 2 พวก หรือ 2 พวกใน 1 พรรค อะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้น ในพรรคก็แตกแยกกันทุกพรรค”

ส่วนตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นคนที่พรรคเพื่อไทยหวังไว้ (คุณเศรษฐา) เพราะว่าบุคลิกของคุณเศรษฐาน่าจะต้องตามากกว่าคนอื่น ๆ

ขณะที่พิธีกรผู้สัมภาษณ์ถามคำถามเพิ่มเติมว่า (ณ ช่วงเวลานั้น) มีการคาดการณ์ว่านายกฯตัวจริงน่าจะเป็น “ลุงป้อม” หรือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โหรบุศรินทร์กล่าวตอบทันทีว่า “ผมดูแล้วน่าจะไม่ได้ ไม่น่าจะได้ เพราะผมเคยดูดวงท่านแล้วไม่น่าจะมีลักษณะการเป็นผู้นำขนาดนั้น”

ส่วนดวงของคุณพิธา โหรบุศรินทร์บอกว่า ไม่ทราบดวง หรือแม้แต่คุณเศรษฐาตนเองก็ไม่ทราบดวง แต่เทียบดูจากบุคลิกและความที่คนน่าจะเลือก

หลังจากนั้น วันที่ 23 สิงหาคม 2566 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

โหรบุศรินทร์ยังทำนายเรื่องความรุนแรงด้วยว่า “มีแน่ เพราะมีอิทธิพลของราหูอยู่ ผมเชื่อว่าแนวโน้มในการที่จะจัดการกันเองในแบบลอบฆ่ากันเอง น่าจะมีถึง 3-4 ราย จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2566”

ถัดจากนั้น 6 กันยายน 2566 มีคดีใหญ่ระดับประเทศ คือคดี “กำนันนก” ผู้รับเหมารายใหญ่ในนครปฐม ที่ลูกน้องก่อเหตุสะเทือนขวัญยิงตำรวจทางหลวงที่เข้ามาร่วมงานเลี้ยงถึงในบ้าน โดยมี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เข้ามาดูแลคดี

หลังจากนั้นมีการขยายผลต่อว่า น่าจะมีนายตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งไม่มีการจับตัวผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า ซ้ำยังจะมีการช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี เรื่องของส่วยตำรวจทางหลวง และเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจใหญ่หลายราย

มิหนำซ้ำตำรวจบางนายที่เกี่ยวข้องกลับยิงตัวเองเสียชีวิตในเวลาต่อมา ชนิดสังคมก็ยังกังขา รวมถึงการสลับสับเปลี่ยนหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาทำคดีแทนกัน

ถัดจากนั้น 25 กันยายน 2566 มีคดีที่สั่นสะเทือนวงการตำรวจ เมื่อตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและกำลังคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นบ้านพักของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดีฯ 60 หลังสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การพนัน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงว่ามีการส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบเครือข่ายร่วมกับตำรวจ พลเรือน กว่า 10 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจระดับสัญญาบัตรประมาณ 5-6 นาย

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวมีช่วงเวลาที่เชื่อมโยงไปถึงการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก” ก็มีชื่ออยู่ในแคนดิเดตผู้ที่จะเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ด้วย ซึ่งตัวเขาเองระบุว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้อง พร้อมตั้งโต๊ะแถลง รวมทั้งตั้งทีมทนายมือดีเข้าสู้คดี แต่สุดท้ายเรื่องทำท่าจะจบลงง่าย ๆ หลังมีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.คนใหม่เรียบร้อย

โหรบุศรินทร์บอกว่า การเมืองตอนนี้จะเป็นแบบ “นิติสงคราม” หรือผู้มีอำนาจทางด้านกฎหมาย มีอิทธิพล หรือครองเมือง เพราะฉะนั้นปัญหาการเมืองจะหนักไปทางด้านนิติสงคราม คือเอาความคิด ความรู้ และตำแหน่งหน้าที่ทางด้านนิติศาสตร์มาใช้กัน ใช้กฎหมายมาอ้าง จึงเรียกว่านิติสงคราม

“หนึ่งทำร้ายกันมีแน่ ลอบฆ่า สองการเดินขบวนเรียกร้องจากประชาชนที่ไม่พอใจ เพราะดาวราหูจะก่อให้เกิดวิกฤตทางร้าย” โหรบุศรินทร์กล่าวสรุปในตอนนั้น พร้อมทำนายเรื่องเศรษฐกิจเพิ่มเติมว่า

เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น จะเกิดขึ้นประมาณช่วงวันที่ 30 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 เพราะดาวพฤหัสฯจร ไม่ได้เป็นกาลกิณีแล้ว

ซึ่งช่วงเวลานั้น อาจเป็นช่วงที่นโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท วงเงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทของพรรคเพื่อไทย มีการใช้จ่ายแล้วก็ได้ 

ล่าสุดคลิปนี้มีผู้เข้าไปชมกว่า 1.2 ล้านครั้งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ชมคลิปสัมภาษณ์เต็ม)