ประกาศเข้าสู่ฤดูฝุ่น เตือนรับมือ PM 2.5 แนวโน้มสูงขึ้น 5-12 ม.ค. 67

ฝุ่น ฝุ่น PM 2.5
(แฟ้มภาพ) ศูนย์ภาพเครือมติชน

กรมควบคุมมลพิษ ประกาศเข้าสู่ฤดูฝุ่น เตือนพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล และภาคเหนือตอนล่าง รับมือฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้น

วันที่ 5 มกราคม 2567 นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์คุณภาพอากาศของประเทศไทย ขณะนี้กำลังเข้าสู่ฤดูฝุ่น ซึ่งมีผลมาจากความกดอากาศสูง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ ลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น

สถานการณ์วันที่ 5 มกราคม 2567 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ไปจนถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ในขณะที่ภาคเหนือ ภาคอีสานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือตอนล่าง ว่าต้องเฝ้าระวังช่วงระหว่างวันที่ 5-12 มกราคม 2567 เนื่องจากอัตราการระบายอากาศในพื้นที่ที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งแหล่งกำเนิดหลักที่มีผลต่อสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจราจรในพื้นที่ และแหล่งกำเนิดจากนอกพื้นที่ ได้แก่ ฝุ่นจากการเผาในที่โล่งในจังหวัดปริมณฑลและโดยรอบ

นางสาวปรีญาพรกล่าวว่า การควบคุมแหล่งกำเนิดต้องกวดขันดูแลการตรวจวัดควันดำจากรถยนต์ดีเซล ฝุ่นจากเขตก่อสร้าง  และการระบายอากาศเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้ง อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้การเผาในที่โล่งจากพื้นที่ต้นลม ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ท้ายลมทวีความรุนแรงได้ยิ่งขึ้น

โดยระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบจุดความร้อนสะสมในประเทศไทยทั้งสิ้น 1,207 จุด คิดเป็นสัดส่วนดังนี้

ADVERTISMENT
  • พื้นที่นาข้าว 38%
  • พื้นที่ไร่อ้อย 13%
  • พื้นที่ไร่ข้าวโพด 6%
  • พื้นที่ป่า 11%
  • พื้นที่เกษตรอื่น ๆ 17%
  • พื้นที่อื่น 17%

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องควบคุมจัดการ

นอกจากนี้ คพ. ในฐานะศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ได้มีการซักซ้อมแนวปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ 76 จังหวัด ถึงแนวปฏิบัติการด้านสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ และการประสานงานกับศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด หน่วยงานกำกับดูแลแหล่งกำเนิดในการกำกับดูแล กวดขัน และเฝ้าระวังการเผาในที่โล่ง

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นละอองมีค่าเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ดังนั้น ในช่วงสถานการณ์ที่ค่าฝุ่นละอองมีค่าสูงนั้น ประชาชนควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ถ้ามีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ตามแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์จากแอปพลิเคชั่น Air4thai และแฟนเพจศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อใช้ประกอบการดูแลตอนเอง และวางแผนการดำรงชีวิตโดยเฉพาะกิจกรรมกลางแจ้งต่อไป