
หลังจากที่รัฐบาลประกาศแผนนโยบายตั้งรับมาตรการการขึ้นภาษีจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผ่านการนำเข้าสินค้ากลุ่มพลังงานจากสหรัฐ อย่าง ‘ก๊าซ LNG’ จำนวน 1 ล้านตัน มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ วันนี้ จึงอยากชวนมาทำความรู้จักกับ ‘ก๊าซ LNG’ ให้มากขึ้น
ก๊าซ LNG คืออะไร ?
สำหรับ LNG ย่อมาจาก Liquefied Natural Gas คือก๊าซธรรมชาติ ที่ถูกแปรสภาพจากสถานะก๊าซให้กลายเป็นของเหลว โดยลดอุณหภูมิลงจนเหลือประมาณ -160 องศาเซลเซียส ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยให้สามารถขนส่งก๊าซธรรมชาติทางเรือในปริมาณมากได้สะดวกและคุ้มค่ากว่าแบบก๊าซปกติ หรือสะดวกในการขนส่งไปยังที่ต่าง ๆ ที่มีระยะทางไกล ๆ และก่อนจะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง LNG จะถูกทำให้ระเหยกลับมาสู่สถานะก๊าซอีกครั้งก่อนนำไปใช้งาน
โดยปัจจัยที่ทำให้ LNG ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากเผาไหม้สะอาดกว่าถ่านหินและน้ำมัน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นแหล่งพลังงานเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่พึ่งพาพลังงานสะอาดมากขึ้น
คุณลักษณะสำคัญของ LNG จัดเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีพิษ และไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อเกิดกรณีที่ LNG รั่วไหลไปสู่สิ่งแวดล้อม จะระเหยกลายเป็นไอแพร่กระจายในอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการตกค้างในน้ำหรือดิน ซึ่งการรั่วไหลของ LNG ที่จะก่อให้เกิดการลุกไหม้ขึ้นได้นั้น ต้องมีความเข้มข้นของการระเหยในบรรยากาศอยู่ในช่วงระหว่าง 5-15% รวมทั้งจะต้องมีแหล่งกำเนิดไฟในบริเวณใกล้เคียงด้วย
โดยจุดเด่นของ LNG ยังมีอีกหลายด้าน คือ ปลอดภัยกว่าก๊าซหุงต้ม (LPG) ทั้งในแง่ของการจัดเก็บและการใช้งาน รวมถึงเผาไหม้สะอาด ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าถ่านหินและน้ำมัน นอกจากนี้ ยังเหมาะกับการนำมาใช้ในหลากหลายภาคส่วน เช่น สามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนา พลังงานนครพิงค์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า นอกเหนือจากประโยชน์ด้านการใช้เป็นพลังงานโดยตรงแล้ว LNG ยังสามารถนำพลังงานความเย็นที่ได้จากกระบวนการแปรสภาพก๊าซไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกไม้เมืองหนาว เช่น ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ อย่างในญี่ปุ่น มีการใช้พลังงานความเย็นสำหรับอุตสาหกรรมห้องเย็นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีแหล่งเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่พึ่งพาได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ จึงต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน คือเมียนมา และอีกส่วนหนึ่งนำเข้าเป็น LNG จากต่างประเทศ เช่น กาตาร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย เป็นต้น
ไทยเตรียมบินดีลสหรัฐนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่ม 1 ล้านตัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา เรื่องนโยบายภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ยืนยันว่าทางสหรัฐอเมริกาตอบรับแล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน คาดว่าจะได้เจรจาภายในสัปดาห์หน้า โดยคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาจะเป็นตัวแทนในการเจรจา พร้อมทั้งกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่จะไปเจรจาด้านพลังงาน รวมทั้งภาคเอกชนด้วย
สำหรับการเจรจากับสหรัฐครั้งแรกนั้น เบื้องต้นจะเน้นเรื่องของการเพิ่มการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ โดยไทยนำเข้าสินค้าเพิ่ม ทั้งนำเข้าเพื่อบริโภคในประเทศและเพื่อส่งออก ดังนั้น ไม่ใช่การลดส่งออกหรือการขายสินค้าแน่นอน หากมีการทำการค้ากันมากขึ้นสัดส่วนที่สหรัฐขาดดุลไทยก็จะลดลง โดยสินค้าที่จะนำเข้าคือสินค้าเกษตรและพลังงาน สินค้าเกษตร อาทิ ข้าวโพด กากถั่วเหลือง เพื่อนำมาผลิตอาหารสัตว์แปรรูปเพื่อส่งออกให้มากขึ้น ซึ่งได้หารือกับเกษตรกรไทยเรียบร้อยแล้ว
ส่วนด้านพลังงาน จากผลของการหารือระหว่างกระทรวงการคลังกับ ปตท. ได้ข้อสรุปว่าประเทศไทย โดย ปตท.จะเสนอแผนการนำเข้าพลังงานจากสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยปี 2569 จะทำสัญญานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 1 ล้านตัน มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะสัญญา 15 ปี และนำเข้าก๊าซอีเทน 4 แสนตัน มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งยังมีแผนระยะยาวจะมีการซื้อแอลเอ็นจีต่อเนื่อง ในอีก 5 ปีข้างหน้า แทนสัญญาที่จะทยอยสิ้นสุดลง
“นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาเรื่องการนำเข้า LNG จากสหรัฐ เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในการกักเก็บแอลเอ็นจีอยู่แล้ว ทั้งนี้ การนำเข้าพลังงานจากสหรัฐถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะมีต้นทุนพลังงานอยู่ในระดับที่ยังสามารถแข่งขันได้ รวมทั้งที่นำเข้ามานั้นเป็นสิ่งที่ไทยต้องลงทุนหรือนำเข้าอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาลงทุนตอนนี้” นายพิชัยกล่าว
สหรัฐชวนไทยลงทุน Alaska LNG
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ให้การต้อนรับนายไมค์ ดันเลวี (Mr. Michael James Dunleavy) ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา และคณะผู้แทนภาคเอกชนด้านพลังงานสหรัฐ
ซึ่งฝ่ายสหรัฐได้นำเสนอข้อริเริ่มของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการพัฒนาโครงการความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการพัฒนาโครงการด้าน LNG ในรัฐอะแลสกาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การสำรวจและผลิตก๊าซ การก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากแหล่งผลิตไปยังโรงแปรสภาพก๊าซ และการก่อสร้างโรงแปรสภาพก๊าซและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัฐอะแลสกาไปยังภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยแสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับสหรัฐ ในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG รวมถึงการนำเข้า LNG จากแหล่งดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในอุตสาหกรรมภายในประเทศ
โดยการร่วมทุนในโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของไทย และเพิ่มโอกาสที่ไทยจะพัฒนาเป็น LNG Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับความเคลื่อนไหวฝั่งเอกชนภาคพลังงานในปีนี้นั้นพบว่ามีหลายบริษัทได้มีการลงนามซื้อขาย LNG รวมถึงอีเทนจากสหรัฐด้วย