“ผบ.ทบ.” แถลงขอโทษเหตุกราดยิงโคราช ปมซื้อที่ดิน ผิดใจผู้บังคับบัญชา

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน คำแถลงข่าว แบบคำต่อคำที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงถึงกรณีเหตุการณ์กราดยิงโคราช ว่า “ก่อนอื่นต้องขอแถลงข่าวกรณีมีผู้ก่อเหตุสังหารเจ้าหน้าที่และประชาชน ตามที่ทราบดีอยู่แล้ว

1.ตนในฐานะ ผบ.ทบ.ต้องขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบก ขอแสดงความเสียใจกับประชาชน ข้าราชการที่ต้องเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เสียใจกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก”

2.ลำดับเหตุการณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อเสาร์ที่ 8 ก.พ. เวลา 14.00 น.ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนส่วนตัวสังหารคู่กรณีและเครือญาติ ณ บ้านพักส่วนตัวของคู่กรณีและเครือญาติ ปืนส่วนตัว 5 ชนิด ในวันนั้นขณะที่ผู้ก่อเหตุไปที่บ้านคู่กรณีนำอาวุธไป 5 ชนิดซึ่งเป็นอาวุธส่วนตัว ซื้อถูกต้องและกู้เงินมาซื้อ

หลังจากไปถึงบ้านคู่กรณีได้ตัดสินใจสังหารคู่กรณีและเครือญาติ ต่อมา 15.00 น.ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวขับมาที่ป้อมยามกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 ได้ใช้อาวุธปืนที่พกไป 1 ใน 5 ชนิด ได้ขู่เจ้าหน้าที่รักษาการอยู่ และได้นำปืน HK33 พร้อมกระสุน 40 นัด ที่บันจุอยู่ในแมกกาซีน ซึ่งโดยกองทัพบกแบ่งหน่วยที่ตั้งปกติและหน่วยช่วยรบ และหน่วยในสนาม กรณีในนี้เป็นหน่วยที่ตั้งปกติจะแยกแมกกาซีนออกจากตัวปืน

เมื่อผู้ก่อเหตุได้ขู่บังคับ ยามเห็นว่าเป็นผู้ร่วมงานในหน่วยเดียวกันจึงได้มอบปืนและกระสุนให้เนื่องจากถูกขู่ หลังจากนั้นได้ขับรถต่อเข้ามายังคลังอาวุธกองร้อยรักษาการซึ่งเป็นอาคาร ณ จุดนั้น เป็นจุดที่มีพลทหารรักษาการอยู่ ผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนที่ปล้นมาตั้งแต่จุดแรก บรรจุกระสุน HK33 กราดยิงจน พลทหารเมธา เลิศศิริ ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ยามรักษาการคลังอาวุธจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

และหลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนลูกซอง เรมิงตัน 870 ซึ่งเป็นลูกซองที่มีอานุภาพในการยิงสูง ซึ่งใช้ทำลายประตูและลูกกุญแจ มาก่อเหตุด้วยการยิงกุญแจซึ่งเป็นกุญแจซึ่งมีความแข็งแรง และได้ยิงตัวบานอาวุธคลัง ได้ทำการปล้นปืน HK33 มาอีก 1 กระบอกและฉวย ปืนกล M60 อีก 1 กระบอก จากนั้นใช้ปืน Hk33 กราดยิงยามรักษาการซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“หลังจากเหตุการณ์นี้มีพลทหารบาดเจ็บ 2 นาย พลทหารทั้งสองนายไม่ได้เฉลียวใจเพราะเป็นผู้ร่วมงาน สิ่งที่เขาทำคือรีบรายงาน ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นให้ทราบ หลังจากนั้นขับรถต่อมายังด้านหลังกองพัน หน่วยตามต่างจังหวัด ตอนนั้นทหารภายในเริ่มทราบได้ยินเสียงปืน และได้นำรถจี๊พดัดแปลงเป็นรถตรวจการ คือรถต้นแบบ M51 ไม่ใช่รถฮัมวี่อย่างที่สื่อเข้าใจ ที่ไปหลังกองพันเพราะเขาทราบว่าจะมีรถตรวจการให้ทหารเวรได้มีรถตรวจพื้นที่ หลังจากขโมยรถได้ขับรถคันดังกล่าวได้เข้าไปคลังเก็บกระสุนโดยพุ่งชนประตูคลังกระสุน ซึ่งเป็นคลังที่เป็นประตูเหล็กหนาแน่นจนประตูเสียหาย จนเข้าไปในคลังได้ และขโมยกระสุน 5.56 มม.ที่ใช้ HK33 และขณะเดียวกันชุดเผชิญเหตุได้รับแจ้งจากพลทหารพยายามไล่ติดตามไปแต่เนื่องจากรถได้ถูกผู้ก่อเหตุขโมยไปจึงต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว อาวุธก็ไม่มีเพราะอยู่ในคลัง ใช้ปืนพกไล่ยิงจนผู้ก่อเหตุออกมานอกค่ายได้ไปก่อเหตุกราดยิงประชาชนตามรายทาง ซึ่งมีการแจ้งตำรวจแล้ว จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เข้าไปในห้าง เทอมินัล 21”

3.สาเหตุและมูลเหตุของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ซึ่งผู้ก่อเหตุและคู่กรณีได้มีการซื้อขายที่ดิน ผิดสัญญากันในเรื่องผลตอบแทน ซึ่งในรายละเอียดต้องสืบต่อไปที่เป็น ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง เมื่อผิดสัญญากันก็จึงทำให้เกิดแรงจูงในในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่ ณ วินาทีที่ผู้ก่อเหตุได้ลั่นไกสังหารคู่กรณี ณ นาทีนั้นเขาคืออาชญากร ไม่ใช่หทารอีกต่อไปแล้ว

4.มาตรการในเรื่องการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ และกระสุน กองทัพบกได้มีมาตรการในเรื่องนี้เป็นเวลานาน ข่าที่ออกไปวัวหายล้อมคอกเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราทำมานานแล้ว อาจมีหน่วยที่หละหลวมก็ต้องลงโทษ อาจมีหน่วยที่ไม่ได้เตรียมตัวก็ต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้น แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ก่อเหตุปฏิบัติราชการอยู่ในหน่วยนั้น ชำนาญใช้อาวุธและพื้นที่ จึงรู้ว่าไปเอาอะไรที่ไหน จะทำลายอะไรอย่างไร

“เพราะฉะนั้น มาตรการแต่ละหน่วยการติด cctv หน้าคลังการเก็บรักษากระสุน ยอมรับว่าในแต่ละหน่วยอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการใส่ใจของ ผู้บังคับบัญชาซึ่งกองทัพบกได้เน้นเรื่องนี้มาทุกยุคทุกสมัย แต่เรื่องมาตรการนั้นถือเป็นมาตรการหลัก มาตรฐานของกองทัพ ถ้ายังไม่ดีต้องทำให้ดีขึ้น รัดกุมขึ้น มีคนรับผิดชอบในทุกๆ หน่วย ทุกกองรักษาการ

แจงยิบขั้นตอนการปฏิบัติงาน

5.การบริหารการในพื้นที่เกิดเหตุ ทันทีที่เสร็จภารกิจที่ กทม.ได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทราบในฐานะ รมว.กลาโหม หลังจากนั้นมอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เดินทางไปพร้อมตนถึงที่เกิดเหตุ 22.00 น.เศษ ไปตัดสิน บริหารสถานการณ์เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ประเมินภัยคุกคาม เพราะตั้งแต่เกิดเหตุได้รับรายงานโดยตลอด จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องไปประเมินภัยคุกคาม ณ เวลานั้น สถานการณ์ควรดำเนินการอย่างไรให้เป็นตามกฎหมาย

เมื่อไปถึง ตนและ พล.อ.ชัยชาญ ไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ร่วมกันหารือและรายงานนายกฯ ให้ทราบ ในฐานะได้รายงานให้นายกฯ ทราบ จึงดำเนินการ 3 ข้อ เรื่องแรก ใช้อำนาจกฎหมายตามปกติ ให้ ผบ.ตร.เป็น ผบ.เหตุการณ์ในครั้งนี้ การที่ให้ ผบ.ตร.เป็น ผบ.เหตุการณ์ก็เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองปกติ เพราะนี่คือการก่ออาชญากรรม การที่ให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจ เมื่อเป็น ผบ.เหตุการณ์ด้รับความไว้วางใจให้มีความเสรีในการปฏิบัติงาน มีอำนาจบังคับบัญชาทั้งมวล ดังนั้น ผบ.ตร.มีอำนาจบริหารสถานการณ์ขณะนั้น มีอำนาจในการตัดสินใจ

พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการในข้อ 2 การดำเนินการทุกอย่างให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เพราะเรายอมรับความสูญเสียของประชาชนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานใช้ความระมัดระวัง ปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนที่ติดอยู่ในห้าง ในสภาพตัวประกันปลอดภัยมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ท่านยังให้ รมช.กลาโหมและตนกำกับดูแลและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา หากจะต้องใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติการ ซึ่งกองทัพบกได้สั่งกำลังหน่วย ฉก.90 จัดกำลังเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้วเคลื่อนกำลังมาอยู่ที่ค่ายสุรนารี เป็นกองหนุนสามารถปฏิบัติการได้เสมอ เมื่อ ผบ.เหตุการณ์ร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย

“อยู่ๆ เรื่องอาชญากรรมถึงผู้ก่อเหตุจะเป็นข้าราชการ แต่ทหารจะเข้าไปดำเนินการ คนเข้าใจคือเข้าใจ คนไม่เข้าใจอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ ดูแล้วว่าตำรวจสามารถดำเนินการได้และ ผบ.ตร.ประเมินสถานการณ์แล้วไม่ได้ร้องขอให้ทหารเข้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน”

ข้อ 3 ทหารออกมาอยู่รอบนอก แบ่งวงให้ชัดเจน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยจัดยุทโธปกรณ์ จัดโรงพยาบาล รถพยาบาล ทำงานร่วมกับภาครัฐและภารคประชาชน จัดทหารบริจาคโลหิตตามโรงพยาบาลต่างๆ เกือบพันนาย เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บเยอะ โรงพยาบาลต่างๆ ขาดเลือด หรือสำรองไว้กรณีไม่เพียงพอ นอกจากเหนือจากการที่ร่วมมือกันเป็นขั้นเป็นตอน ยังได้เห็นภาครัฐและเอกชนช่วยกันอย่างคนโคราช ร่วมมือร่วมใจกันทุกภาคส่วน ทุกฝ่าย ทั้งตัว รมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวงเข้ามาอำนวยการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยา ดูรายละเอียดขั้นตอนการรักษาพยาบาล หลังจากนั้นเวลา 05.00 -06.00 น. ตนและ รมช.กลาโหมได้ออกจากนอกพื้นที่เพื่อเตรียมสรุปให้นายกฯ ช่วงเวลานั้นได้มอนิเตอร์เหตุการณ์อยู่แล้ว มีการประสานงานโดยตรงกับชุดควบคุมสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

“ผมเรียนให้ทุกท่านได้ทราบเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเกิดความแตกแยก ในหลายๆ ส่วน ผมและ ผบ.ตร.ร่วมทำงานกันมา เติบโตกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารตำรวจชั้นผู้น้อย ผ่านวิกฤตสถานการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดรักษาชีวิตของประชาชนที่ติดอยู่ภายในในสภาพตัวประกัน ในการปฏิบัติการครั้งนี้ขอชื่นชมตำรวจจากทุกหน่วยงานที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ แม้มีตำรวจหลายนายต้องเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับทหารรักษาการ 33

ยันดูแลผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเกินสิทธิที่ได้รับ

หลังจากที่เหตุการณ์ยุติลง 8.50 น.ได้รับรายงานว่าจบงาน ปิดงานเรียบร้อยแล้วและมีการสำรวจความเสียหาย ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ และได้บรรยายสรุปให้นายกฯ ท่านได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ในส่วน กองทัพบกนอกจากการเยียวยาในกรณีทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เราดูแลอย่างเต็มที่ตามสิทธิและสวัสดิการเกินกว่าที่เขาจะได้รับแน่นอน เพราะเขาได้ทำหน้าที่ของเขาแล้วอย่างสมบูรณ์ เราได้เตรียม รพ.ค่ายสุรนารี พร้อมที่จะรองรับผู้บาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ

“ผมในฐานะ ผบ.ทบ.พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้สภาพจิตใจทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บดีขึ้น ส่วนประชาชนที่เสียชีวิต กองทัพบกพร้อมที่รับเข้ารับราชการตามคุณวุฒิ อีกทั้ง ผู้บาดเจ็บที่เสียโอกาสประกอบวิชาชีพ กองทัพบกอ้าแขนรับท่านโดยไม่มีข้อแม้”

7.จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีความสัมพันธ์กันทางบังคับบัญชาและเครือญาติของผู้บังคับบัญชา ผมได้สั่งการไปแล้ว เปิดช่องทางโดยตรงให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ และเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาที่ไม่ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา และผมมั่นใจและให้คำมั่นว่าช่องทางจะเปิดรับนี้จะเป็นความลับที่สุด แต่ต้องแสดงตัวตนอยู่หน่วยไหน เป็นใครและตรงมาถึงตัวผมเอง โดยไม่ผ่านช่องทางของกองทัพบก จะสถาปณาและหาบุคคลมาทำ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสื่อสารได้โดยตรง และจะลงโทษอย่างเต็มที่ในขีดสามารถที่ทำได้

อย่าด่ากองทัพให้มาด่า “อภิรัชต์”

8. ผมในฐานะ ผบ.ทบ.ขอกล่าวคำเสียใจอีกครั้งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ตลอดระยะเวลานาทีที่เกิดเหตุ มีคำตำหนิกองทัพบก มีคนด่าว่ากองทัพบก ซึ่งกองทัพบกเป็นองค์กรด้านความมั่นคง เป็นองค์กรที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนมากมายด่าทหาร แต่อยากจะให้ทราบว่า ท่านอย่าด่ากองทัพบก อย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กรไม่มีความรู้สึก เป็นองค์กรแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นองค์กรแห่งความมั่นคง ทหารที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศไทย อยู่ตามแนวชายแดน ยังปราบปรามยาเสพติด ทหารที่ยังต้องเสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยของชาติ ทหารที่ยังต้องช่วยเหลือน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ป่า ที่เสียสละที่ดีๆ มีทั่วกองทัพบก อย่าไปด่าว่าเขาเลย อย่าใช้คำว่าทหารเขาจะเสียกำลังใจในการทำงาน ไม่มีใครในโลกอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศของตัวเอง ไม่มีใครคนไทยอยากให้เกิดเหตุอีก อย่าด่าว่าทหาร ถ้าจะด่า จะตำหนิ มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำตำหนิการแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง เพราะผมเป็น ผบ.ทบ.

อย่างไรก็ตาม ในคนหมู่มากทุกองค์กรย่อมมีทั้งคนดีคนไม่ดีปะปนกันอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจ แม้ผมจะเหลือราชการ 7 -8 เดือนแต่ผมไม่ย่อท้อพัฒนาปรับปรุงกองทัพบก เข้มงวด เพิ่มมาตรการ มาตรฐานให้ดีขึ้น เรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาและจะใช้อำนาจหน้าที่ ผบ.ทบ.ถึงวันสุดท้ายที่จะส่งมอบธงให้กับ ผบ.ทบ.ต่อไป 2 วัน 3 คืนแทบไม่ได้นอน เพราะเสียใจ

พร้อมรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปฐมเหตุเกิดจากสภาพจิตใจ ในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า “ผมถามผู้ตั้งคำถามว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ระหว่างผู้ก่อเหตุกับคู่กรณีซึ่งเป็นเรื่องซึ่งไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร เป็นเรื่องบาดหมางจิตใจ เป็นเรื่องการก่ออาชญากรรม ในการรับผิดชอบทั้งผู้ก่อเหตุและคู่กรณี กองทัพบกรับผิดชอบตามมาตรฐาน การรับผิดชอบต่อผู้เสียหายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหารที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงพลทหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระราชทานเพลิงศพให้ กองทัพบกจะดูแลครอบครัวของหทารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดและจะดูแลพลทหาร ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น”

เมื่อถามว่า เป็นบทเรียนที่สำคัญของกองทัพหรือไม่ ในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในอนาคต ผบ.ทบ.กล่าวว่า พูดอย่างนี้แล้วกันว่า คนเราเติบโตจากพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกัน แต่เรานายทหารหลักได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนเดียวกันได้รับการปลูกฝัง กินข้าวเหมือนกัน นอนเวลาเดียวกัน นอนเตียงเหมือนกันอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันตลอดเวลา 5 ปีใน รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่ละคนมีจิตวิญญาณมุ่งมั่นของตนเอง การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาถูกปลูกฝังมาโดยตลอด หลังรับราชการแล้ว อยู่ที่คุณธรรม จริยธรรม ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ

โดยเฉพาะผมสิ่งที่ทำมาโดยตลอดผมเติบโตมาได้ ไม่ใช่เพราะผู้บังคับบัญชา ผมเติบโตมาได้เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้าร่วมมือช่วยผมทำงานไม่ว่าทำงานในที่ตั้งปกติ ทำงานในสนาม ทำงานในการปราบปรามความไม่สงบ ทำทุกเรื่อง เพราะผมมีในขณะปฏิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกัน หน่วยข้างเคียงผมก็เห็นความล้มเลวของผู้บังคับบัญชา ผมพยายามกลั่นกรองเป็นตัวอย่าง พยายามเลือกสรรคนดี แต่กองทัพบกมีกำลังผลหลายแสน ไม่สามารถลงไปดูได้ จากนี้การสรรหาคนมาเป็นผู้บังคับบัญชา

นายพลยันพันเอก ร่วมมือพ่อค้าต้องไม่มีงานทำ   

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะแก้ปัญหาระยะยาวอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า กองทัพบกถูกตั้งมาเป็นเวลานาน มีโครงการหลายอย่าง พูดไปก็ไม่ได้ไปตำหนิติเตียนใคร ในห้วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปเคยมีโครงการลักษณะนี้ บ้านสวัสดิการ บ้านโครงการ หน่วยบางหน่วยร่วมมือกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น ซึ่งไม่อยากวิ่งเต้น ซึ่งผมรู้ รับรองว่า ก.พ.-เม.ย.ยืนยันว่า ตั้งแต่นายพลยันพันเอกไม่มีงานทำแน่หลายคน และไม่สนด้วยเพราะมีข้อมูลลึก ผมเติบโตกับความรู้สึกที่ไม่ถูก หลายอย่างผมไปกราบเรียนนายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม พี่ครับผมต้องทำ

แน่นอนไม่มีใครไม่มีพอใจ 4 ก.พ.ลงนามยกเลิกการซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดในกองทัพบก และต่อไปนี้ใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกจากหน่วยงานใดก็ตาม ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพลเท่านั้นที่จะลงนาม ไม่ใช่เดิมระเบียบแค่ชั้นนายพันเปิดโอกาสให้พ่อค้า กำลังพลซื้ออาวุธได้โดยง่าย ผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก เป็นปืนจากโครงการสวัสดิการจากโครงการอื่น ทหารไม่จำเป็นต้องมีปืนส่วนตัว เพราะมีปืนหลวง มีการเบิกรับ”

“ทหารมีบ้านให้กับกำลังพลเพียงพอ รับราชการ 20-30 ปี ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าบ้าน มีโอกาสเก็บเงินชั่วชีวิตไปซื้อบ้านหลังเกษียณอายุ ขีดเส้นตายเดือน ก.พ. สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว ยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ราชการ ท่านต้องออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนไม่มีบ้านมาอยู่เพื่อให้เขาเก็บเงิน หลังเกษียณจะได้มีที่ดิน

“อย่างไรก็ตามการถูกหลอก ถูกชวนเชื่อ มีแรงจูงใจ การอยู่แบบไม่พอเพียง การฟุ้งเฟ้อ ผมไม่ได้ตำหนิแต่ยกตัวอย่างผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก ซึ่งเป็นปืนราคาแพง มีไว้เพื่ออะไร โครงการต่างๆ ต้องปรับปรุง เอาเปรียบหลวง เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ขอเวลา ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ ไปดูได้ว่าสั่งมาเป็นเวลาเท่าไหร่ และถ้าไม่สัมฤทธิ์ผลผมย้ายแน่ ไม่ถนอมตัวในปีสุดท้ายที่อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ดังนั้น ขอให้มั่นใจและเชื่อใจว่า ผบ.ที่นั่งอยู่ให้ความร่วมมืออย่างดี”

เมื่อถามว่า ปัญหาดังกล่าวมีมานานแล้วทำไมเพิ่งแก้ไขหลังจากเกิดเหตุ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า “มันไม่ใช่เพราะเกิดเหตุแล้วดำเนินการ หลายๆ อย่าง ผบ.ทบ.แต่ละคนล้วนแต่มีวิสัยทัศน์แตกต่างกันออกไป นโยบายหลายๆ อย่างภาพรวมของกองทัพบก ผบ.ทบ.ณ ยุคนั้น สมัยนั้น ก็แก้ปัญหาไปตามสถานการณ์ในห้วงเวลานั้น ผมมาเป็น ผบ.ทบ.เกือบ 2 ปี เริ่มเห็นปัญหามาโดยตลอด ทันทีที่มารับตำแหน่งจึงเริ่มแก้ไขสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่ผ่านมาก็ผ่านไปแล้วมาเริ่มกันใหม่ ปรับตัว ปรับองค์กร มันไม่มีองค์กรไหนที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ใครมาเป็น ผบ.ทบ.ก็ยึดถือแนวทางที่ประกาศต่อหน้าสาธารณชนในทุกๆ เรื่องให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งเรื่องกำลังพล และอย่าเอาไปประเด็นทางการเมือง เพราะผมไม่ได้พูดเรื่องการเมืองแล้ว”

เมื่อถามว่า ในส่วนของครอบครัวผู้ก่อเหตุ จะดูแลอย่างไร พล.อ.อภิรัชตน์ กล่าวว่า การดูแลผู้ก่อเหตุเป็นไปตามขั้นตอน

ลาออกเฉพาะคำสั่งที่ผิดพลาด

เมื่อถามว่า สังคมมีการตั้งคำถามถึงการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ได้กล่าวไปแล้วว่า แม้ผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบก แต่ผู้ก่อเหตุนั้นไปก่อเหตุที่ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ เช่น มีข้าราชการทหารไปขนยาเสพติด ค้าอาวุธสงครามแล้วถูกตำรวจวิสามัญ ก็อยากจะถามเหมือนกันมันสมควรที่จะใช้คำถามนี้กับผมหรือเปล่า ผมมีความรับผิดชอบเพียงพอต่อภารกิจทุกอย่างที่ผมสั่งทุกวิกฤตที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าทุกวิกฤตอะไรที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำผมรับผิดชอบ แต่ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดจากเหตุการณ์ส่วนตัว ที่เกิดจากการก่ออาชญากรรม ทำผิดกฎหมาย การฝ่าฝืนระเบียบวินัยที่ได้มีอยู่แล้วผมรับไม่ได้ แต่อะไรที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ ออกคำสั่งให้เกิดความผิดพลาด ผมเป็นคนที่รับผิดชอบมาโดยตลอด แต่การเกิดเหตุครั้งนี้ไม่ได้ปฏิบัติทางทหารเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า เหตุใดถึงใช้เวลาในการเคลียร์สถานการณ์นาน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า  มีผู้ปฏิบัติหน้าที่มีไม่กี่คนที่เคยเข้าไปพื้นที่เทอมินัล หลังจากมีการก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ใช้ สิ่งแรกที่เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติสถานการณ์ ต้องศึกษาตึกนั้นมีโครงสร้างอย่างไร กว่าจะได้พิมพ์เขียวมาตั้งแต่บ่าย นั่งศึกษามีพนักงาน เจ้าหน้าที่ รปภ.ช่างเทคนิคเข้ามาช่วย หลังจากศึกษา กว่าจะเข้าไปห้องควบคุมทีวีวงจรปิด สิ่งสำคัญที่สุดเพราะมีคนติดอยู่ด้านใน แต่สิ่งที่ช้าเพราะแต่ละชั้น ที่ตำรวจเข้าไปเคลียร์ วางกำลัง ไม่รู้ว่าประชาชนอยู่ตรงไหนบ้าง ล้วนแต่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ประชาชนติดอยู่หลายร้อยคน ใช้ความระมัดระวัง จนกระทั่งผู้ก่อเหตุมาถึงชั้น LG กระทั่งซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บความเย็น และภายในมีสิ่งกีดขวางทำให้ตรวจการได้ยาก มีสิ่งกีดขวาง คือความยากลำบาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว พล.อ.อภิรัชต์ได้มีน้ำตาคลอ และบางช่วงของการแถลงข่าวได้พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และมีการยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเป็นบางครั้ง