ออกคำสั่งแจ้ง’พระ-เณร’ห้ามแสดงออกผิดเพศ-เล่นเฟส-กดไลค์-แชร์-วิจารณ์สถาบัน ใครละเมิดถูกลงโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ พระเถระได้มีหนังสือถึงวัดต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกคำสั่งเจ้าคณะเจ้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 57/2560 เรื่อง ข้อห้ามการจัดกิจกรรมเชิญชวนทำบุญ และเรี่ยไร โดยประการต่างๆ การจัดงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาวฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2560 ความว่า ด้วยการประชุมของคณะกรรมการฝ่ายจอดเรือพนมพระทางบกและทางน้ำ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 ณ ห้องประชุมบัวผุด ชั้นที่ 2 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประชุมได้มีมติ กำหนดให้จัดงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวฯ จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 2-10 ตุลาคม เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนดข้อห้ามการจัดกิจกรรมเชิญชวนทำบุญ และเรี่ยไรโดยประการต่างๆ ดังนี้ 1.ห้ามมิให้วัด เจ้าอาวาส พระภิกษุ กรรมการวัด และผู้ใดดำเนินการสนับสนุนปล่อยปละละเลย ให้มีการจัดวาง และติดตั้งพระพุทธรูป พระประจำวัน รูปเหมือน รูปบูชา รูปจำลองบุคคล รูปจำลองสามเณร รูปจำลองสัตว์ รูปจำลองอื่น ตลอดจนบุคคลต่างๆ ในบริเวณเรือพนมพระทางบกและทางน้ำ โดยเด็ดขาด

คำสั่งเจ้าคณะจังหวัด สุราษฎร์ธานี ระบุต่อว่า 2.ห้ามมิให้วัด เจ้าอาวาส พระภิกษุ กรรมการวัด และผู้ใดดำเนินการสนับสนุนปล่อยปละละเลยให้มีการจัดวางและติดตั้งแผงพระ วัตถุมงคล พุ่มกฐิน พุ่มผ้าป่าในบริเวณเรือพนมพระทางบก และทางน้ำโดยเด็ดขาด 3.ห้ามมิให้พระภิกษุ คฤหัสถ์ หญิง-ชาย ทำการเรี่ยไร ในบริเวณเรือพนมพระทางบกและทางน้ำ โดยเด็ดขาด 4.คณะกรรมการจัดงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า อนุญาตให้ติดตั้่งพระพุทธรูปบนบุษบกและพระประจำวันบนเรือพนมพระทางบกและทาง น้ำ เท่านั้น 5.เรือพนมพระ วัดใด ไม่ปฏิบัติตามข้อห้าม คำสั่งคณะกรรมการจัดงานจะสงวนสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมในปีต่อไป หากฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะดำเนินการตามพ.ร.บ.คณะสงห์และกฎหมายบ้านเมืองตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน พระครูวิสิฐพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี ออกคำสั่งที่ สบ 0101/ว 075 ถึงเจ้าคณะตำบลทุกตำบลในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองอุบลราชธานี เรื่อง ให้งดการขึ้นป้าย (บอร์ด) งานพุทธาภิเษก ความว่า “ด้วยจังหวัดแจ้งว่า เจ้าคณะภาค 10 สั่งการผ่านทางโทรศัพท์ ให้วัดทุกวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 10 ทั้ง 6 จังหวัด มีจังหวัดอุบลราชธานี นครพนม ศรีสะเกษ ยโสธร มุกดาหารและจังหวัดอำนาจเจริญ ห้ามขึ้นป้ายงานพุทธาภิเษก ที่ขึ้นไว้แล้วก็ให้นำป้ายดังกล่าวลงเก็บไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับการอนุญาตให้ ดำเนินการต่อไปได้อีกครั้ง ดังนั้นจึงเรียนเจ้าคณะ พระสังฆาธิการทุกท่านในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองอุบลราชธานี ทุกวัดปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดโดยทั่วไป”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน พระพรหมดิลก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ออกคำสั่งที่ จค 141/2560 ถึงเจ้าคณะเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร เรื่องห้ามติดแผ่นป้ายการโฆษณาพระพุทธรูป พระเครื่อง วัตถุมงคล และเทวรูปในที่ต่างๆ ความว่า “เนื่องด้วยในปัจจุบัน มีกลุ่มบุคคลใช้ความเชื่อทางด้านศาสนามาแสวงหาผลประโยชน์ ได้ทำการโฆษณาสรรพคุณพระบูชาและวัตถุมงคล โดยอ้างแหล่งที่มาของวัสดุที่นำมาสร้างพระบูชาวัตถุมงคล และเทวรูปต่างๆ ตลอดถึงอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักธรรมคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ทำให้ประชาชนเกิดความหลงผิด เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จึงขอให้เจ้าคณะเขตทุกเขต ได้สอดส่องดูแลการโฆษณาการจัดสร้างพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปทางสื่อต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการเผยแพร่พุทธธรรมอย่างถูกต้องชัดเจน อนึ่ง เนื่องจากพระอุโบสถหรืออุโบสถ เป็นสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย จึงขอให้เจ้าคณะเขตทุกเขต ได้แจ้งให้วัดทุกวัดในเขตปกครอง ไม่ควรจำหน่ายพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปต่างๆ ภายในและบริเวณพระอุโบสถหรืออุโบสถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก ออกคำสั่ง ที่ จญ.อ.112/2560 ถึงเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค 10 เรื่องให้พระสังฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรม และลงโทษ พระภิกษุสามเณรในปกครอง ความว่า “เนื่องจากภาวะวิกฤตด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยในปัจจุบันนี้ ส่งผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก แม้ว่าพระธรรมวินัยก็ดี กฎหมายคณะสงฆ์ก็ดี กฎมหาเถรสมาคม เป็นต้น ยังมีผลบังคับใช้ปกติ และทันสมัยอยู่ก็ตามที เป็นเหตุนำมาซึ่งวิกฤตศรัทธาเป็นที่ติเตียนของประชาชนในลักษณะโลกวัชชะ อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และเกิดความเสียหายต่อสังฆมณฑลโดยภาพรวม ทั้งสถาบันศาสนาซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของประเทศ ปัจจุบันอยู่บนความคาดหวังของประชาสังคม และภาครัฐในอันทีจะสร้างความสงบสุขเป็นที่พึ่งของประชาชน นำพาสังคม และประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังนั้น ในฐานะเจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก พิจารณาเห็นสมควรให้มีคำสั่งเจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก ให้พระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์หนตะวันออกทุกระดับชั้น ได้ตรวจสอบพฤติกรรมพระภิกษุสามเณรในปกครองของตน ที่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย และปฏิบัติไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเอง และหมู่คณะ และให้มีมาตรการลงโทษตามพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์อย่างเคร่งครัด เพื่อความเรียบร้อย ความดีงามและความสงบสุขแห่งหมู่คณะ หรือสถาบันศาสนาโดยรวม

“อีกทั้ง เพื่อเป็นการน้อมถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ในพระบรมโกศ อนึ่ง ขอให้เจ้าคณะภาคได้แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัด ให้แจ้งเจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาสทุกวัดในเขตปกครองว่า ในระหว่างพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ให้เจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาสช่วยสำรวจ ตรวจตรา ห้ามไม่ให้มีการขึ้นป้ายประกาศและเก็บป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายโฆษณาทุกชนิด ทุกประเภทที่เกี่ยวกับการจัดสร้างจัดทำวัตถุมงคลต่างๆ ภายในบริเวณพื้นที่ตำบลของตนและภายในบริเวณวัดทุกวัด เพื่อให้เกิดภาพความเรียบร้อย สวยงาม เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และร่วมถวายความอาลัย น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสมพระเกียรติ จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งคำสั่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ให้พระสังฆาธิการในเขตปกครองทุกระดับได้รับทราบและปฏิบัติต่อไป” หนังสือดังกล่าวระบุ

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า และวันเดียวกันนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก ยังมีคำสั่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ที่ 1/2560 เรื่อง ให้พระสงฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรม และลงโทษพระภิกษุสามเณรในปกครอง ความว่า โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ7(1) ถึง (5)แห่งกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 23 (พ.ศ.2551) ว่าด้วยการระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ เห็นสมควรให้พระสังฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรม และลงโทษพระภิกษุสามเณรในปกครอง ดังนี้ 1.พระภิกษุสามเณรผู้กระทำการอันละเมิดกฎหมายบ้านเมือง และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ให้พระสังฆาธิการดำเนินการตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ หรือประกาศมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้เข้าดำเนินการตามกฎหมายโดย เคร่งครัดกับพระภิกุสามเณรผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว 2.พระภิกษุสามเณรผู้วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงตนกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุขของประชาชน หรือส่อไปในทางยั่วยุ ปลุกปั่น ทำลาย ก้าวร้าวรุนแรง และไม่สร้างสรรค์ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุม พระภิกษุสามเณรผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว มิให้กระทำการเช่นว่านั้น และหากเข้าข่ายละเมิดกฎหมายบ้านเมืองให้ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

คำสั่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ระบุต่อว่า ข้อ 3.พระภิกษุสามเณรมีความประพฤติเสียหาย หรือไม่เหมาะสม เป็นที่ติเตียนของประชาชนในลักษณะโลกวัชชะ เช่น การแสดงพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิดของตน การใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะ การไปในสถานที่ไม่สมควรแก่บรรชิต ฯลฯ ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมมิให้พระภิกษุสามเณรผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว ประพฤติตน แสดงออก หรือกระทำการเช่นว่านั้นโดยเด็ดขาด 4.พระภิกษุสามเณรผู้ไม่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และไม่รักษาเชิดชูพระธรรมวินัยให้เป็นวิถีทางประพฤติปฏิบัติของตน ตลอดจนหมู่คณะให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมภิกษุสามเณรผู้มีพฤติกรรมดัง กล่าว มิให้ประพฤติตนหรือกระทำการเช่นว่านั้น โดยเด็ดขาด และหากเข้าข่ายละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินกระบวนการลงโทษตามพระธรรมวินัย และกฎหมายคณะสงฆ์โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ พระสังฆาธิการรูปใดไม่ดำเนินการ หรือย่อหย่อยในการสำรวจ ตรวจสอบ กวดขัน ควบคุมพฤติกรรม หรือลงโทษพระภิกษุสามเณรในปกครอง และไม่จัดการตามกำหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติหรือประกาศมหาเถรสมาคม กับพระภิกษุสามเณรผู้มีพฤติกรรมข้างต้น ย่อมต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ อนึ่ง หากพระสังฆาธิการได้พยายามดำเนินการตามพระธรรมวินัย และตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายคณะสงฆ์ กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ หรือประกาศของมหาเถรสมาคมแล้ว ยังไม่สามารถบังคับการให้เป็นไปตามนั้น ให้เร่งประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอการสนับสนุน และอารักขาจากทางราชการ

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน พระราชสิทธิเวที เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ได้ออกคำสั่งว่า “เจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอเพื่อโปรดทราบ ตามที่มีคำสั่งหรือสื่อสารต่างๆ ที่ท่านทั้งหลายเห็น และปรากฏอยู่นั้น ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาหนเหนือ ให้แจ้งทุกอำเภอ อำเภอแจ้งตำบล ตำบลแจ้งเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสแจ้งพระลูกวัดให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และโปรดสอดส่องและห้ามปราม ดังนี้ 1.ให้งดเว้นการประพฤติอาจาระที่ไม่เหมาะแก่สมณสารูป 2.ให้งดเว้นการเล่นเฟส, ลงภาพในเฟส, หรือกดแชร์, กดไลน์, และห้ามเขียนข้อความวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ลงเฟส 3.การโฆษณา/ ป้ายต่างๆ ขอให้งดเว้น/การเรี่ยไรขอให้อยู่ในขอบเขต ด้วยสภาวะแห่งการที่พระภิกษุสามเณร กำลังถูกสังคมจับตามอง ขอให้เจ้าคณะผู้ปกครองช่วยกันระงับยับยั้งสิ่งที่จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นใน หมู่สงฆ์ ขอให้ท่านแจ้งเตือนไปตามลำดับชั้น จนกว่าผู้บังคับบัญชาจะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ในเบื้องต้นให้ถือแนวปฏิบัติดังที่ทราบ”

 

ที่มา มติชนออนไลน์