ศบศ. เคาะฟื้น “ชิมช้อปใช้” แจก 3,000 บาท ให้ข้าราชการ-พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาหยุดวันธรรมดาได้เพิ่ม 2 วัน พร้อมกระตุ้นการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ โดยอุดหนุนเงินเดือนครึ่งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 เรื่องหลัก
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
1. กระตุ้นจ้างงาน
นายดนุชากล่าวว่า ที่ประชุม ศบศ. มีมติเห็นชอบมาตรการจ้างงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่ปีการศึกษา 2562-2563 เป้าหมายจำนวน 2.6 แสนคน ระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564 โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้กับนายจ้างไม่เกินร้อยละ 20 ของค่าจ้าง กรอบวงเงินงบประมาณ 23,476 ล้านบาท แบ่งออกเป็น
- ระดับปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท
- ระดับ ปวส.ไม่เกิน 5,750 บาท
- ระดับ ปวช. ไม่เกิน 4,700 บาท
ภายใต้เงื่อนไขนายจ้างต้องไม่ลดพนักงานเกินร้อยละ 15 โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้จัดงาน JOB EXPO 2020 ในเดือนกันยายน เพื่อจ้างงานจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตำแหน่ง
2. ชิมช็อปใช้ รอบใหม่
นายดนุชากล่าวว่า ที่ประชุม ศบศ. ยังมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่ (“ชิมช็อปใช้”) เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ หาบเร่ แผงลอย คนละ 3,000 บาท งบประมาณรวม 45,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไปสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหาร และเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และโทรศัพท์มือถือ ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ 90,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งประชาชนที่ใช้สิทธิ์ และร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ และให้นำเสนอที่ประชุม ศบศ. เพื่อเห็นชอบในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยคาดว่าโครงการจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคม 2563 นี้
“จุดประสงค์ของโครงการเป้าหมายหลักต้องการให้ผู้ที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19 และร้านค้าตัวเล็ก หาบเร่ แผงลอยจริง ๆ ดังนั้นเบื้องต้นจึงกำหนดวงเงินในการใช้แต่ละวัน 100-250 บาทต่อวัน ระยะเวลาใช้เงิน 3 เดือน”
3. กระตุ้นท่องเที่ยว
นายดนุชากล่าวว่า ที่ประชุม ศบศ. ยังเห็นชอบเห็นชอบการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มเติม ภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ 1. เพิ่มสิทธิให้ผู้ลงทะเบียน 3 สิทธิ และ 2. การอนุญาตให้ข้าราชการลาพักร้อนวันธรรมดาได้เพิ่ม 2 วัน
สำหรับ 3 สิทธิที่ ศบศ. เห็นชอบในแนวทาง ได้แก่ 1.เพิ่มส่วนลดค่าที่พักร้อยละ 40 จำนวน 10 คืนต่อคน 2.เพิ่มคูปองอาหารต่อการท่องเที่ยว สูงสุดมูลค่า 900 บาทต่อวัน โดยหากท่องเที่ยวในวันจันทร์-พฤหัสบดีจะอุดหนุน 900 บาท ขณะที่วันศุกร์-อาทิตย์จะอุดหนุน 600 บาท 3. ให้เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินจำนวน 2,000 บาทต่อที่นั่ง โดยเริ่มดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563
สำหรับหลักการที่เห็นชอบให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ข้าราชการ 2 ล้านคน รัฐวิสาหกิจ 2 แสนคน) สามารถลาพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อลงทะเบียนและใช้สิทธิในแพ็คเกจเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง และกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มที่มีศักยภาพ
รวมทั้งดึงดูดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ อาทิ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น สำหรับผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อแต่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ให้พิจารณาจัดทำคูปอง หรือ บัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.เห็นชอบต่อไป
